นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า ม็อบ7 สิงหาคมมามือเปล่า มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ตำรวจใช้ความรุนแรงว่า ขอถามนายธนาธรจริงๆ ว่า ม็อบมามือเปล่าจริงหรือ ทั้งที่พกอาวุธมาเพียบทั้งมีด ดาบ หนังสติ๊ก หัวน็อต ไม่ได้ชุมนุมอย่างสันติ ตนเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็เห็น มีหลักฐานประจักษ์ชัดเจน มีเพียง นายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าเท่านั้นที่มองไม่เห็นว่าม็อบมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำลายข้าวของราชการ เผารถตำรวจ ทำลายป้อมตำรวจ
นายธนาธร ยังมากล่าวหาตำรวจว่าใช้ความรุนแรงอีก หรือเจ้าหน้าที่ต้องห้ามป้องกันตัว แล้วปล่อยให้ม็อบทำร้ายฝ่ายเดียวแบบนั้นหรือ จิตใจทำด้วยอะไร ประเทศบอบช้ำประชาชนกำลังเจอวิกฤตโควิด-19 แต่ม็อบก็ยังไม่สนใจ นายธนาธรยังสนับสนุนอย่างเปิดเผยโดยไม่สนใจความเดือดของประชาชน ถามจริงๆ ว่านายธนาธรเป็นคนไทยหรือเปล่า นอกจากนี้ม็อบยังเหิมเกริมจาบจ้วงสถาบันที่คนไทยรักและศรัทธา ถึงขนาดกล้าประกาศจะบุกพระมหาราชวัง ตนบอกตรงๆ ว่ารับไม่ได้จริงๆ
นายธนกร กล่าวอีกว่า อย่าโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะต้องทำตามหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้าม็อบไม่มาชุมนุมแล้วตำรวจจะออกมาหรือไม่ คำตอบคือไม่ การชุมนุมของม็อบแต่ละครั้งไม่ได้สงบตามที่คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทยพูด ซึ่งไม่มีตำรวจที่ไหนทำร้ายประชาชน มีแต่ม็อบที่พยายามยั่วยุและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ขั้นตอนการสลายการชุมนุมปฏิบัติตามหลักสากลทุกประการ ทั้งนี้ อยากให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์บ้าง ที่ต้องทำงานอย่างหนักในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รัฐบาลเองก็ทำทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย วันนี้อยากให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศเห็นว่า ในขณะที่ประชาชนทั้งประเทศต่างช่วยกันแก้ปัญหาโควิด-19 แต่กลับมีคนกลุ่มหนึ่งนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังทำพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงที่อาจจะกลายเป็นคลัสเตอร์ของการระบาดได้อีกด้วย ดังนั้น เชื่อว่าประชาชนคงเห็นแล้วว่า ใครที่รักประเทศชาติแค่ลมปาก ปากพูดว่ารักชาติ อยากเห็นประชาธิปไตย แต่กลับทำได้ทุกอย่างเพื่อขอให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองโดยไม่สนใจว่าประเทศหรือประชาชนจะเดือดร้อนขนาดไหน