วันที่ 8 มี.ค.66 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมูลนิธิเพื่อคนไทย โดย นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และประธานกรรมการมูลนิธิ “เพื่อคนไทย” / ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) / รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมแถลง “ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2566” จากการสำรวจ 2,255 ตัวอย่างทั่วประเทศ ซึ่ง 82% ของกลุ่มตัวอย่างเคยเลือกตั้งมาก่อนหน้านี้ ขณะที่อีก 18% เลือกตั้งครั้งแรก
โดยส่วนใหญ่ 41% มองว่าพรรคการเมืองควรจะประกาศนโยบายที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณ รองลงมา 33% เป็นนโยบายกว้างๆ และ 26% เป็นนโยบายที่ระบุกระบวนการตรวจสอบที่สามารถตรวจสอบได้จริง
สำหรับปัญหาสำคัญของประเทศที่ต้องแก้ไขมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน 25%, การศึกษา 14% และ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม 13% ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่ากลุ่มตัวอย่างอายุ 40-49 ปี ให้ความสำคัญในเรื่องปัญหาการทุจริตฯ เป็นอันดับต้นๆ รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 18 – 19 ปี และ 30-39 ปี
ผลสำรวจส่วนใหญ่ 67% ของตัวอย่าง มองว่านโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองมีผลมากต่อการตัดสินใจลงคะแนนในการเลือกตั้ง 2566 แบ่งเป็น 66% ต้องการพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่มีความชัดเจนต่อนโนยบายต่อต้านคอร์รัปชันและปฏิบัติได้จริง และ 23% โปร่งใส สุจริตในการดำเนินงาน สามารถตรวจสอบได้ / 8% ช่วยแก้ไขวัฒนธรรมการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ และ 3% ต้องการให้ประเทศมีทิศทางการพัฒนาที่ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน ซึ่งส่วนใหญ่ป็นกลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับกลุ่มค้าขาย นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ