จากกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการปราบปรามนายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาในประเทศไทย เพื่อทำผิดกฎหมาย โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีบังหน้า เริ่มตั้งแต่การเข้าจับกุมผับจินหลิง ก่อนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังสืบสวนถึงที่มาของการอนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักร ซึ่งมีการตรวจสอบพบพิรุธในการดำเนินการจำนวนมาก จากนั้นได้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 116 นาย ซึ่งมีพฤติการณ์ในการให้การช่วยเหลืออนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักรให้กับกลุ่มนายทุนจีนสีเทา และชาวต่างชาติ โดยใช้วิธีการสร้างหลักฐานเกี่ยวกับการเรียนภาษา หรือ การเป็นสมาชิกของมูลนิธิและสมาคมต่างๆ
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (9 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มาร่วมสังเกตการณ์การนำสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวของคณะพนักงานสอบสวน สภ.เวฬุวัน จ.ขอนแก่น เสนอต่อเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พร้อมกับเปิดเผยว่า วันนี้เป็นการสรุปสำนวนคดี ที่มีตำรวจตม.เข้าไปเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา มีทั้งคดีผับท๊อปวัน คลับวัน แบงคอก ผับจินหลิง และที่พัทยา ซึ่งบางคดีมีผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยตนเองได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ดูภาพรวม เรื่องการสืบสวนสอบสวน
(กราฟฟิค ตม. ถูกดำเนินคดี)
สำหรับสำนวนคดีมีผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทัังหมด 116 นาย แบ่งออกเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา จำนวน 107 นาย ซึ่งในจำนวนนี้มีนายพลอยู่ด้วย 3 นาย โดยมีพฤติกรรมคดี กระทำต่างกรรมต่างวาระ รวม 8,000 กรรม ด้วยกัน