เช็คด่วน ต่อไปนี้ "โอนเงินเกิน 50000" ต้องสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน หวังสกัดภัยการเงิน เริ่มมิ.ย.นี้
ข่าวที่น่าสนใจ
ธปท. ประกาศ 3 ชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ดูแลตลอดเส้นทางการทำธุรกรรมทางการเงิน กำหนด “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
1. มาตรการป้องกัน
- เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น ให้ สง. งดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล
- งดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย
- จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน mobile banking (username) ของแต่ละ สง. ให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น
- โดย สง. ต้องจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ mobile banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง
- พัฒนาระบบความปลอดภัยบน mobile banking ให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา
- ยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (biometrics)
โดยกำหนด 3 ธุรกรรม ที่จะต้องมีการยืนยันตัวตน
- การโอนวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ
- โอนวงเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน
- การปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน
2. มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย
- กำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด เพื่อให้ สง. รายงานไปสำนักงาน ปปง.
- สง. ต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบ
3. มาตรการตอบสนองและรับมือ
- เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น ให้ สง. ทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ
- เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของ สง.
ข้อมูล : ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง