ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ครอบครัวรัตนพันธ์” ได้ออกหนังสือเผยความคืบหน้า กรณีที่ออกมาร้องเรียนว่า บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย เนื้อที่กว่า 34 ไร่ บริเวณถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ โดยมีข้อความว่า
วันที่ 11 มีนาคม 2566 เรื่อง ขอเรียนเชิญสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว และสื่อ Social Media ทุกช่องทาง รวมถึงเพจ Facebook ช่อง Youtube, ช่อง TIK TOK, และผู้ใช้งาน Twitter หรือบัญชีผู้ใช้งานทางสื่อออนไลน์อื่นใดทั้งในและต่างประเทศ ได้โปรดสื่อสารความจริงให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงจากกรณีครอบครัวรัตนพันธ์ กับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เรียน พี่น้องสื่อมวลชนทุกสำนักและคนไทยผู้รักความยุติธรรม
อ้างถึง หนังสือของบริษัท เอสซี แฮสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เลขที่ SC-L 023/2566 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2566
ด้วยบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่งหนังสือมายังบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News มีเนื้อหา ให้ยุติการนำเสนอข่าวและนำออกจากสื่อออนไลน์ระบบคอมพิวเตอร์โดยทันที SC กล่าวหาว่าครอบครัวรัตนพันธ์แถลงข้อมูลเป็นความเท็จทั้งสิ้น ข้อเท็จจริงอยู่ในกระบวนพิจารณาของศาล โดย SC ไม่ชี้แจงประเด็นที่ชี้แจงได้ และเป็นข้อสงสัยของนักลงทุน ผู้ถือหุ้น เพื่อให้สังคมรับทราบด้วยความโปร่งใส SC ระบุว่าเป็นโจทก์ฟ้องดำเนินคดีแพ่งแต่ไม่กล่าวเรื่องเงินกู้ 20 ล้านบาท ในทางกลับกัน SC ก็ถูกครอบครัวรัตนพันธ์ฟ้องกลับหรือฟ้องแย้ง แต่ SC ไม่ได้ระบุมาในหนังสือ ซึ่งจากการไต่สวนหาความจริงกว่า 2 ปีในศาลสถิตยุติธรรม ศาลจึงมีคำสั่งรับคำให้การและฟ้องแย้งของครอบครัวรัตนพันธ์ เพื่อให้ SC ชดใช้ค่าเสียหาย 1,503,426,434.20 บาท (หนึ่งพันห้าร้อยสามล้านสี่แสนสองหมื่นหกพันสี่ร้อยสามสิบสี่บาทยี่สิบสตางค์) เหตุการณ์นี้อาจสำคัญต่อความอ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงในการลงทุนของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งแม้แต่หมายเลขคดีก็ไม่ใช่คดี หมายเลขดำที่ มย.66/2563 ตามหนังสือที่ผู้บริหารฝ่ายกฎหมายและเลขานุการบริษัททำขึ้นมา เพราะศาลมีคำสั่งรับฟ้องแย้งและจำหน่ายคดีออกจากสารบบคดีไม่มีข้อยุ่งยากเปลี่ยนเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.881/2566 แล้วตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566