จับตาแรงกระทบหนัก หลังปิดธนาคาร SVB ระทึกศก.วิกฤตสหรัฐฯเขย่าโลก หวั่นแบงก์ล้มเป็นโดมิโน

จับตาแรงกระทบหนัก หลังปิดธนาคาร SVB ระทึกศก.วิกฤตสหรัฐฯเขย่าโลก หวั่นแบงก์ล้มเป็นโดมิโน

จากกรณีที่กรมคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ หรือดีเอฟพีไอ (DFPI) สั่งปิดธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (Silicon Valley Bank) หรือเอสวีบี (SVB) ธนาคารที่เชี่ยวชาญด้านการจัดหาเงินทุนให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ หลังจากประสบปัญหาสภาพคล่อง และล้มเหลวในการขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุนธนาคาร จนทำให้ลูกค้าต่างพากันแห่ถอนเงินฝาก

 

ถือเป็นความล้มเหลวของกิจการธนาคารสหรัฐฯ ครั้งใหญ่สุด นับตั้งแต่ธนาคารวอชิงตัน มิวชวล ล้ม ในช่วงวิกฤตการเงิน เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา

“ดีเอฟพีไอ” ได้มอบหมายให้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ เอฟดีไอซี (FDIC) ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เข้ารับช่วงดูแลกิจการและจัดการสินทรัพย์ของเอสวีบีต่อแล้ว โดยทางเอฟดีไอซี ชี้แจงว่า ผู้ฝากเงินจะได้รับการคุ้มครองเงินฝาก 250,000 ดอลลาร์หรือ 8,700,000 บาทต่อบัญชีต่อธนาคาร และจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตัวเองได้ภายในไม่เกินช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมนี้ และสถาบันจะจ่ายเงินให้กับผู้ฝากที่ไม่ได้รับการคุ้มครองล่วงหน้า ภายในสัปดาห์หน้า

ก่อนหน้านี้ ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ ได้ประกาศแผนขายหุ้น ในวงเงิน 2,250 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 78,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องของธนคาร หลังจากประสบภาวะขาดทุน 1,800 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 62,000 ล้านบาท จากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าลดลงอย่างมาก เนื่องจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้วิกฤตเงินเฟ้อในรอบปีที่ผ่านมา

ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ เป็นธนาคารที่ใหญ่สุดเป็นอันดับ 16 ของสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 16,800 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 584,000 ล้านบาท เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่มูลค่าตลาดของธนาคารลดลงเหลือเพียง 6,300 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 219,000 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะลดลงต่อไปอีก

 

ทั้งนี้ นักลงทุนเป็นกังวลว่า ธนาคารแห่งอื่น ๆ อาจจะเผชิญการขาดสภาพคล่องที่คล้ายคลึงกัน หลังสถาบันการเงินหลายแห่งพยายามมองหาการระดมทุน ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูง

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดทางด้านนายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Pat Hemasuk ระบุว่า พรุ่งนี้วันจันทร์เป็นวันที่น่าจับตามองถึงภาคการเงินของสหรัฐที่เวลานี้ทุกภาคส่วนต่างก็กังวลเกี่ยวกับวิกฤติธนาคารล้มกันเป็นโดมิโนจากที่ธนาคาร SVB ล้มไปเมื่อสองวันก่อน เวลานี้ FED เรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้เพราะเกรงว่ามันจะต้องมีอีกกันเป็นทอด ๆ ไปอีกหลายแห่ง

 

 

 

Silicon Valley Bank (SVB) ถือว่าเป็นธนาคารใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐ ที่เน้นให้กู้กับธุรกิจสตาร์อัพมาสี่สิบปีแล้ว และเป็นธนาคารแรกๆ ที่เข้าไปเป็นตัวกลางคริปโตที่สมัยนั้นยังไม่มีธนาคารไหนกล้าทำ ถือว่าเป็นธนาคารที่มีวิสัยทัศน์ล้ำหน้ามาก แต่ที่มีปัญหาในเวลานี้ก็มาจากคริปโตอีกนั่นแหละ ผลประกอบการของธนาคารถ้ามองย้อนหลังไปปีกว่าๆ ก็จะเห็นได้ตั้งแต่เริ่มมีปัญหาเรื่อง stable coin ล้มไปทีละตัวทำให้ธนาคารเริ่มมีปัญหาจากการถือครอง และหามเข้าศาลาไปสวดจาก Bank run ที่คนรุมถอนจนต้องปิดไป

 

จะบอกว่าวิกฤตินี้มันมาจากที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยเชิงนโยบายต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปีที่แล้วก็ได้ ธนาคารและกองทุน รวมถึงหุ้นในตลาดสะเทือนกันมาทุกครั้ง จนอัตราผลตอบแทนบอนด์ระยะยาวเกิด inverted yield curve ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จะบอกว่าเป็นวิกฤติการดูดเงินกลับของภาครัฐก็ว่าได้ เพียงแต่ SVB มีปัจจัยเร่งของคริปโตเข้ามาร่วมด้วยจากธุรกิจของธนาคารที่ทำให้ล้มลงเร็วกว่าเจ้าอื่น

 

เงินที่ค้างพอร์ตจำนวน 6.2 แสนล้านดอลลาร์ของธนาคารต่างๆ มันคือวิกฤติระดับประเทศของสหรัฐพร้อมที่จะถล่มกลุ่มธนาคารให้ล้มลงได้อีกหลายแห่งในช่วงสัปดาห์หน้า Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ก็คงรับมือไม่ไหวกับการรับประกันเงินฝากของผู้ที่สูญเงินไปกับการล่มของธนาคารเหล่านั้น เรื่องนี้ FED ต้องเข้าไประงับการตื่นตระหนกของตลาดเงิน ซึ่งพรุ่งนี้คงจะรู้ผลว่า FED จะเอาอย่างไรกับการหยุดเลือดไหลออกจากระบบเงินในครั้งนี้

ไม่ใช่ตลาดเงินเพียงอย่างเดียวที่มีผลกระทบ ตลาดอสังหาก็เจอเรื่องหนักไม่แพ้กัน ใครจะมีเงินไปซื้อถ้าระบบการเงินของประเทศล่มลง การลดแลกแจกแถมสู้ราคาแย่งลูกค้าก็ทำให้บริษัทอสังหาเจ๊งผ่อนส่งไม่ต่างกัน รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับ SVB ก็โดนลากขากันล้มไปด้วยไม่ช้าก็เร็วไม่มีทางรอด สตาร์ทอัพทั้งหลายที่เป็นลูกค้าก็คงต้องโดนหามไปเผาพร้อมกันกับธนาคาร รวมแล้วความเสียหายในครั้งนี้กินวงกว้างกว่าที่ใครจะสามารถคำนวนตัวเลขจริง ๆ ออกมาได้แม้ในสัปดาห์หน้าก็ตาม

แต่ที่แน่ ๆ เลยคือวันพรุ่งนี้ตลาดทุนตลาดเงินเกิดวิกฤติแต่เช้าแน่นอน คาดว่าแดงเต็มกระดานตั้งแต่เปิดตลาด และอาจจะดีขึ้นถ้า FED ออกมาสรุปว่าจะเอาอย่างไร แต่ถ้าสิ่งที่ FED แถลงออกมาหลังประชุมไม่เป็นคุณต่อการลงทุน อย่างเช่นนโยบายดอกเบี้ยยังเดินหน้าต่อไปไม่มีการชะลอสักงวดเพื่อให้เกิดการฟื้นตัว หรือนโยบายการอุ้มธนาคารและลูกค้าออกมาไม่ดี ไม่ถูกใจตลาด คงได้เห็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แน่นอน
สิ่งหนึ่งที่อดีต ปธน.ทรัมป์ สามารถเอาไปหาเสียงเล่น ปธน.ไบเดน ได้ก็เรื่องแบบนี้แหละครับ สัปดาห์หน้าได้เห็นแกเอาออกมาด่าไบเดนแน่นอน

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น