วันที่ 14 มี.ค. 66 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และพ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส กล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกรณี การแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของบริษัทฯ อย่างมาก และมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 13 ราย ทั้งในส่วนของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยเป็นการกล่าวหาในเรื่องกระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง , สายสีลม สถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และการต่อสัญญาว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางสถานีหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปี เพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางไปสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นยังคงเป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เท่านั้น และบีทีเอสยังไม่ถูกฟ้องร้องหรือดำเนินคดีแต่อย่างใด และมีสิทธิที่จะคัดค้านเพื่อแก้ไขข้อกล่าวหาตามกระบวนการของกฎหมาย และทางบริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือตามกระบวนการทางกฎหมายทุกขั้นตอน
“บริษัทฯ ยืนยันว่าการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย และปราศจากการฮั้วประมูลใด ๆ”
บริษัทฯ ทราบว่าก่อนการจ้างในครั้งนี้ ทาง กทม.ได้มีการหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาในปี 2550 ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยโดยสรุปว่า การที่กรุงเทพมหานคร มอบหมายให้ บริษัทกรุงเทพธนาคมดำเนินโครงการ และบริษัทกรุงเทพธนาคม มาว่าจ้างเอกชนเดินรถ โดยได้รับค่าจ้างเป็นการตอบแทน มิใช่การร่วมลงทุนกับเอกชน นอกจากนั้นการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้ได้ผ่านการสอบสวน จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในปี 2555 แล้ว โดยหลังสิ้นสุดการสอบสวนในปี 2556 กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานอัยการสูงสุดได้เห็นควรไม่ฟ้องบีทีเอส
นายคีรี กล่าวต่อว่า จากข่าวที่ปรากฏทางสื่อมวลชนว่า ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกับพวก 13 คน ซึ่งปรากฏชื่อผมและบริษัทฯ ในความผิดสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบและความผิดฮั้วประมูล โดยในเนื้อข่าวมีการนำเสนอภาพเอกสารราชการของ ป.ป.ช.และอ้างว่ามาจากแหล่งข่าวระดับสูงของ ป.ป.ช.
วันนี้ขอใช้พื้นที่สื่อแถลงข้อเท็จจริงและทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ว่าเรื่องราวดังกล่าวการดำเนินคดีในเรื่องนี้ของ ป.ป.ช.ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 จากการที่ ส.ส.ท่านหนึ่งได้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษและ ป.ป.ช. กล่าวหากรณีที่ กทม.ทำสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยายส่วนที่ 1 โดยเบื้องต้นกล่าวหาว่า กทม.ไม่มีอำนาจดำเนินการ เพราะตามประกาศคณะปฏิวัติกำหนดให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษในเวลานั้นได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้น และมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผมและบริษัทฯ เพราะจากพยานหลักฐานไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับผม และบริษัทเลย และพนักงานอัยการก็มีความเห็นไม่สั่งฟ้องไปแล้ว