“ครอบครัวรัตนพันธ์” เดินหน้าสู้ ยื่นหลักฐานแจง ก.ล.ต.ปมพิพาท SC Asset เปิดคลิปลับมัดผิดผู้บริหาร

"ครอบครัวรัตนพันธ์" เดินหน้าสู้ ยื่นหลักฐานแจง ก.ล.ต.ปมพิพาท SC Asset เปิดคลิปลับมัดผิดผู้บริหาร

วันนี้ (14 มี.ค. 66) ดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ พร้อมด้วยครอบครัวรัตนพันธ์ เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อหารือร่วมกันกับคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประกอบไปด้วย ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร และ ผู้อำนวยการฝ่ายจดทะเบียนตราสารทุน 2 หลังติดต่อให้ครอบครัวนำหลักฐานและข้อมูลเชิงลึกมามอบให้ โดยคาดจะใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจะลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้ง

สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ครอบครัวรัตนพันธ์ ได้ออกมาร้องเรียนว่า บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย เนื้อที่กว่า 34 ไร่ บริเวณย่านรามอินทรา เป็นเหตุให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ต้องสูญเสียบ้านและที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และครอบครัวต้องแตกสาแหรกขาด เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของนายทุนเงินกู้ ครอบครัวรัตนพันธ์ ต่อสู้คดีกันด้วยตนเองมายาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับฟ้องแย้งของครอบครัวรัตนพันธ์ จำนวน 1,503 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา

 

 

จนกระทั่งในเวลา 16.00 น. ครอบครัวรัตนพันธ์ ได้ลงมาแถลงข่าว พร้อมตอบข้อซักถามกับสื่อมวลชน โดยดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ กล่าวถึงการได้มาชี้แจงหลักฐานและข้อมูลเชิงลึกกับ กลต. ใน 3 ประเด็นหลัก คือ

1.ให้กลต.เร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาในฐานความผิดต่างๆ ของบริษัท SC Asset ในประเด็นที่สั่งจ่ายเช็คเงินสดจำนวน 20 ล้านบาท ออกจากบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์มาได้อย่างไร ถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือไม่ มีการผ่านมติในที่ประชุมหรือไม่ ซึ่งสุ่มเสี่ยงความผิดในอีกหลายๆ ประเด็นที่จะต้องมีการขยายตามมา

2.บริษัท SC Asset ตกลงให้ประโยชน์ต่อบุคคลภายนอก โดยให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ถึงจำนวน 200 ล้านบาท โดยจะแบ่งจ่าย 2 งวด แต่ได้จ่ายให้ก่อนจำนวน 20 ล้านบาท แต่ทำเป็นสัญญาเงินกู้ไว้ ซึ่งถือว่าผิดวิสัยการทำธุรกิจหรือไม่ ขอให้สังคมต้องจับตาในประเด็นนี้ให้ดี

3.การที่ SC Asset ให้เงินจำนวน 20 ล้านบาทกับครอบครัวรัตนพันธ์ แต่ทำธุรกรรมเป็นการกู้เงิน ตั้งแต่ปี พ.ศ 2561 จนมาถึงปีพ.ศ 2566 เป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปี ก่อนที่เรื่องจึงแดงขึ้นมา จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีการนำเงินออกมาเช่นนี้โดยไม่มีใครรู้อีกหรือไม่ โดยอาจนำไปให้กับนักการหรือเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะบริษัท SC Asset และครอบครัวชินวัตร ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 60% ซึ่งถือเป็นความมั่นคงแห่งรัฐ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนการที่มาพบ กลต.ในวันนี้ ต้องการให้เร่งตรวจสอบการกระทำของ SC Asset ในประเด็น เงินกู้ 20 ล้าน ว่ามีการลงบัญชีเท็จหรือไม่ มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าอย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ทาง SC Asset จะต้องเข้ามาชี้แจง มิใช่หลบอยู่ หรือโยนความไปที่ กลต. ขอยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องระหว่างครอบครัวรัตนพันธ์ แต่มันเป็นเรื่องของสังคม และเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องรับรู้ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้ ดร.ศรายุทธ ยังได้กล่าวถึงกรณีปัญหาในอีกหลายๆ คดี ของอัยการสูงสุดในประเด็นขยะใต้พรมที่จะต้องถูกนำมารื้อฟื้นคดีอีก 5 คดี ที่จะต้องหาความจริงให้กับสังคม รวมไปถึงคดีของนายโอ๊ค พานทองแท้ ที่จะต้องหยิบยกขึ้นมา ตนจึงได้ทำหนังสือเพื่อให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา

 

ด้านลัดฟ้า รัตนพันธ์ ในฐานะผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้และบันทึกการรวบรวมที่ดินของครอบครัวรัตนพันธ์ ได้นำคลิปเสียง 4 คลิปเสียงสำคัญ ที่ได้มีการเจรจาต่อรองตกลงกันกับบริษัท SC Asset ที่ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย เนื้อที่กว่า 34 ไร่มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นคลิปที่จะผูกมัดและนำไปสู่การดำเนินคดีอาญากับนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยของนายทักษิณ ชินวัตร หรือพี่เขยอุ๊งอิ๊ง และนายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รวมไปถึงนายสมบูรณ์ คุปตินัส นักกฎหมายในบริษัท SC Asset และยืนยันด้วยว่าสิ่งที่ตนออกมาเรียกร้องของครอบครัวรัตนพันธ์เป็นความจริง ไม่ได้กล่าวเท็จตามที่บริษัท SC Asset ออกมาระบุ

 

 

ลัดฟ้า เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่บริษัท SC Asset ได้หารือกับครอบครัวรัตนพันธ์ ตนได้อยู่ในเหตุการณ์ โดยบริษัท SC Asset ตกลงว่าจะจ่ายเงินจำนวน 200 ล้านบาท ออกจากตลาดหลักทรัพย์ โดยแบ่งออกเป็น 2 ก้อน และจะให้ก่อน 20 ล้านบาท ซึ่งจะหาวิธีการจ่ายออกมาโดยทำเป็นสัญญากู้ยืม และอีกส่วนที่เหลือจะนำไปใส่ไว้ในส่วนต่างของค่าที่ดิน แต่ภายหลังจากเสร็จสิ้นการหารือบริษัท SC Asset ก็ส่งรายงานการประชุมที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในวันที่หารือร่วมกัน ตนมีความเชื่อใจ เคารพและให้เกียรติเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีธรรมาภิบาล และคุณธรรมในการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องให้ความสนใจในการตัดสินใจร่วมทำธุรกิจกับบริษัทมหาชนต่างๆ

 

 

ขณะที่ ฐานิดา รัตนพันธ์ กล่าวถึงที่ครอบครัวรัตนพันธ์ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่างๆ และทางบริษัท SC Asset ได้ออกมาชี้แจงเพียงแค่ว่าครอบครัวรัตนพันธ์เปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยที่ไม่ได้มีการออกมาอธิบายเหตุผลหรือชี้แจงใดๆ รวมไปถึงอ้างว่ากระบวนการอยู่ในชั้นศาลควรจะให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ตนจึงมีการตั้งคำถามกลับไปยังบริษัท SC Asset เหตุใดจึงมากล่าวหาว่าครอบครัวรัตนพันธ์กล่าวความเท็จ ทั้งที่ศาลยังตัดสินไม่เสร็จ และในส่วนของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นครอบครัวรัตนพันธ์มีความเดือดร้อนมานานกว่า 6 ปีเราเดินหน้าเรียกร้องทุกช่องทางมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ตนรู้สึกว่าบริษัทที่กระทำเราเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ มีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง เพราะเป็นเครือญาติกันกับกลุ่มนักการเมืองของพรรคการเมืองหนึ่ง ขอยืนยันว่าที่ออกมาในตอนนี้ไม่ใช่เพราะอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง หรือต้องการจะโจมตีใคร ที่เราต้องออกมาเพราะเราได้รับความเสียหายจริงๆ

 

ฐานิดา ยังกล่าวด้วยว่าอยากฝากไปถึงทางบริษัท SC Asset และครอบครัวชินวัตร ว่าเราอยากให้ประชาชนได้รับข้อมูลทั้งสองฝ่าย ขอให้มีการเลิกอ้างว่ากระบวนการยังอยู่ในชั้นศาล เพื่อประโยชน์ของครอบครัวชินวัตรเอง ควรที่จะออกมาชี้แจงในตอนนี้ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ ฐานิดา ยังกล่าวถึงข้อความในหนังสือที่บริษัท SC Asset ที่ระบุว่า ” ท้ายสุดประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CEO ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของท่าน โดยให้ทั้งสองฝ่ายละวางปัญหาข้อโต้แย้งฝ่ายใดผิดฝ่ายใดถูกไว้และช่วยเหลือผ่อนปนอนุญาตให้ท่านทั้งสองสามารถรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขายกับบริษัทใหม่อีกครั้งหนึ่งตามบันทึกข้อตกลงฉบับวันที่ 3 เมษายน 2561 โดยปรับราคารับซื้อที่ดินจากเดิมตารางวาละ 50,000 เป็นตารางวาละ 86,000 บาท” นั้น เหตุใดต้องมีการละวางว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายใดผิด และทำไมต้องช่วยเหลือผ่อนปรนให้เรามารวบรวมที่ดินใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทำไมต้องมีการมาเพิ่มราคาที่ดินจากที่ดินแปลงเดิม ซึ่งครอบครัวรัตนพันธ์เรียกร้องความเสียหายมาโดยตลอด

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผุดไอเดีย สุดเจ๋ง ติดตั้งนวัตกรรมประดิษฐ์รั้วไฟฟ้าแรงต่ำ 12 โวลท์ ป้องกันภัยช้างป่า
ปราบปราม เด็กแว้นอันธพาลครองเมือง
จบด้วยดี!! ปัญหาเงินทอดกฐินกว่า 1 ล้านบาท ”วัดหนองนกเมืองคอน” จบชื่นมื่น
พบเด็กแฝดตาสีฟ้า แม่ยอมรับรู้สึกท้อ ลูกถูกล้อเลียน ซ้ำมิจฉาชีพนำรูปไปแอบอ้างเปิดรับบริจาค
"ทนายเดชา" เชื่อ "ทนายตั้ม" พร้อมสู้คดี เคยพูดคุยมีหลักฐานแชทสนทนา
ททท.โคราช ชวนสัมผัส “เทศกาลเที่ยวพิมาย 2567” ตื่นตาตื่นใจการแสดงแสง สี เสียงเทคนิคพิเศษสุดตระการตา
“ออยศรี” เข้าให้ข้อมูลคดีของทนายตั้ม เจ้าตัวเชื่อ “เจ๊อ้อย” ไม่ได้ให้เงินด้วยความเสน่หา
กล้าล้วงคองูเห่า!! แก๊งมิจฉาชีพอ้างชื่อผู้การฯเมืองคอนโทรหลอกนักข่าวใหญ่ขอความช่วยเหลือยืมเงิน 36,000 บาท
"เต๋า สมชาย" เล่าความประทับใจ ไปชมโขนพระราชทาน ได้เจอ "บิ๊กตู่" เผยแค่ยืนใกล้ๆก็สุขใจยิ่งนัก
หนุ่มหล่อ อายุน้อย ถูกเลือกเป็น "ผู้ใหญ่บ้าน" ดาวเรือง หมู่ 9 ต.บางทรายน้อย ด้านเจ้าตัวเผยมีความฝันจากปู่ที่สั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น