ภายหลังผู้บริหารและพนักงาน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้กระบวนการพิจารณาข้อกล่าวหาของป.ป.ช.กรณีการจัดทำสัญญาว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย รวมถึงเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งจัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินค้างชำระจำนวน 5 หมื่นล้านบาท
ล่าสุดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)ได้ชี้แจงว่า กทม.พร้อมพูดคุยกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ที่คาราคาซังมานานกว่า 4 ปี หลังจากพนักงาน BTS ยื่นข้อเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้สินจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการจะพิจารณาหยุดการเดินรถส่วนต่อขยาย โดยมองว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์หยุดเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจะกระทบต่อประชาชน ซึ่งทางกทม.และบีทีเอส คงไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนขึ้นในการเดินทาง
โดยปัจจุบันการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวเป็นส่วนที่ BTS รับจ้างเดินรถให้กับกทม. สัมปทานล่วงหน้ายาวไปถึงปี 85 โดยส่วนต่อขยายที่ 2 ยังคงให้บริการกับประชาชนฟรี ไม่มีกำหนดว่าจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในเร็ว ๆ นี้ เพราะเป็นส่วนที่นำคนจากชานเมืองหลายแสนคนเข้ามาสู่สายที่เป็นไข่แดง คือ หมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬา-สะพานตากสิน ที่มีการเก็บค่าโดยสารปกติ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับ BTS เพิ่มขึ้น
ส่วนข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากการที่ BTS ทวงหนี้จากกทม.นั้น นายชัชชาติ ระบุว่า การพิจารณาจ่ายหนี้ให้ BTS ต้องดูตามข้อสัญญาที่ค้างอยู่ใน กทม. และต้องมีการหารือร่วมกัน รวมถึงทางบริษัท กรุงเทพธนาคม (KT) จะต้องหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเป็นข้อกังวลที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้
เช่นเดียวกันกับการเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต ต้องให้สภากทม.พิจารณาถึงความเหมาะสม เพราะสัญญาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการโดยผ่าน ม.44 และไม่ได้ผ่านสภากทม. หากจะดำเนินการอะไรในตอนนี้จะต้องผ่านสภากทม.ให้ได้รับความเห็นชอบก่อน แต่ปัจจุบันยังไม่มีแผนการเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยายดังกล่าวที่ชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ ทำให้ประชาชนผู้โดยสารยังคงใช้บริการได้ฟรีมาจนถึงปัจจุบัน