วันที่ 16 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ศูนย์เรียนรู้การเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ได้มีเกษตรกรมาจับจองขอใช้พื้นที่ในการทำการเกษตร เพื่อหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยการปลูกพืชผักชนิดต่างๆ สลับกันไป ถึงแม้ว่าในช่วงนี้จะอยู่ในช่วงสภาพอากาศแห้งแล้ง ลมกระโชกแรงเป็นบางครั้งซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกผัก แต่ปัญหาเรื่องน้ำที่ใช้รดผักนั้น เกษตรกรไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากมีแหล่งน้ำ จึงทำให้ผักไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง
จากการสอบถามนางเล็ก ใจแป้น เกษตรกรที่ปลูกผัก บอกว่า ตนเองปลูกผักจำหน่ายมานานนับปีสิบปีแล้ว โดยจะปลูกพืชระยะสั้น เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง แตงกวา ผักกาด ที่ใช้ระยะเวลาการปลูก 1-2 เดือนเท่านั้นก็สามารถเก็บผักจำหน่ายให้กับพ่อค้า แม่ค้า หรือจำหน่ายให้กับประชาชน โดยผักบุ่ง จำหน่าย 30 บาทต่อกิโลกรัม ผักกวางตุ้ง จำหน่าย 30 บาทต่อกิโลกรัม แตงกวา จำหน่าย 20 บาทต่อกิโลกรัม ผักกาด กิโลกรัมละ 50 บาท สร้างรายได้วันละ 400-500 บาท นับว่าเป็นราบได้ที่ดี ซึ่งการที่ผักราคาดีนั้นส่วนหนึ่งอาจจะมาจากผักในท้องตลาดมีน้อย อีกทั้งตนเองปลูกผักชนิดที่เป็นที่ต้องการของตลาด ผักของตนนั้นปลูกลงดินแต่ไม่ใช้สารเคมี โดยจะใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก แทนสารเคมี ผักของตนนั้นจะมีพ่อค้า แม่ค้า มารับซื้อถึงที่ หากผักมีจำนวนมาก ตนเองจะนำไปจำหน่างตามตลาดนัดต่างๆ รวมถึงส่งให้กับลูกค้าประจำ เนื่องจากลูกค้ามั่นใจว่าผักของตนปลอดสารพิษ จึงเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก
ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม/ จ.ตรัง