เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา : บีเอเอสเอฟ เป็นผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงด้วยมาตรฐานการผลิตระดับโลกจากประเทศเยอรมัน มุ่งคิดค้นและพัฒนาเคมีภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ครอบคลุมในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก มีเป้าหมายการสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจ “การสร้างสรรค์เคมีภัณฑ์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” เน้นการนำความยั่งยืนมาเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ โดยถ่ายทอดประสบการณ์และความสำเร็จทางธุรกิจผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่คิดค้นมาเพื่อส่งเสริมการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่คนในสังคม
บีเอเอสเอฟ ให้ความสำคัญต่อการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและความสำเร็จทางเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ผลักดันการมีส่วนร่วมกับกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อยกระดับสู่การขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืนในทุกกระบวนการของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงระบบปฏิบัติการและการดำเนินงานต่างๆ ในมาตรฐานระดับโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ (climate neutrality) ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 อีกทั้ง บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาระดับโลก เน้นการลงทุนพัฒนาทรัพยากรบุคคลและงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและเป็นไปตามกฏเกณฑ์ และข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยยอดขายของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟทั่วโลกใน พ.ศ. 2565 มีมูลค่ามากถึง 87.3 พันล้านยูโร
ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจมากกว่า 55 ปีในประเทศไทย บีเอเอสเอฟขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ควบคู่กับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่มีความหลากหลาย และสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม อาทิ โซลูชั่นด้านการเกษตร ตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) ในยานยนต์ สารเคลือบและสีพ่นในการผลิตรถยนต์ เคมีภัณฑ์เพื่อการอุปโภค เคมีภัณฑ์เพื่อโภชนาการและสุขภาพ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม โพลิเมอร์ประสิทธิภาพสูง โพลียูรีเทน รวมถึง เคมีภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงต่างๆ โดยยอดขายของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟสำหรับลูกค้าในประเทศไทย พ.ศ. 2565 มีมูลค่าสูงถึง 676 ล้านยูโร