สัปดาห์ที่ผ่านมา 15 มี.ค.2566 หลายคนคงเห็นภาพมื้อเที่ยง ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่วันนั้นแกนนำพรรคภูมิใจไทยประกอบด้วย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รอง นรม. และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค พร้อม ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ได้เข้าพบและร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ที่งานนี้ทั้งเสี่ยหนูและลุงป้อมต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นการคุยดีลลับตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งคราวหน้าแต่อย่างใด แต่เป็นการพูดคุยกินข้าวกันธรรมดาในฐานะคนรักและเคารพกัน ส่วนที่หนีบชาดามาด้วยก็เพราะก่อนหน้านี้ลุงป้อมลงพื้นที่อุทัยธานีก็คลาดกับชาดา เที่ยวนี้จึงหนีบชาดามาคาราวะผู้จัดการรัฐบาล
ผ่านไปไม่กี่วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เสี่ยหนูออกมายอมรับผ่านรายการทีวีช่องหนึ่งว่า วงรับประทานอาหารระหว่างแกนนำพรคภูมิใจไทยกับลุงป้อมนั้นมีการพูดคุยเรื่องอนาคตทางการเมืองจริงและมีการดีลเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาลในอนาคตกันไว้แล้ว “ ในวงอาหาร ได้มีการพูดคุยและประเมินสถานการณ์การเมืองร่วมกัน และอาจจะเรียกได้ว่า ดีลระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐลงตัวแล้ว เพราะการทำงานร่วมกันมาตลอด 4 ปี ไม่มีปัญหาใดๆ และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันภูมิใจไทย กับ พลังประชารัฐ ทำงานร่วมกันมา 4 ปี ถ้าไม่มีอุบัติเหตุ หรือ เหตุจำเป็นยิ่งยวด เราไม่มีปัญหา สิ่งใดไม่เข้าใจก็เคลียร์กันครบทุกเรื่อง” อนุทินเปิดใจร่วมหอลงโลงกับลุงป้อมและพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยโรงเรียนป้อมแล้ว
นอกจากนี้เสี่ยหนูยังประกาศกร้าว พร้อมเป็นนายกฯ เพราะเชื่อว่า การทำงานคุม 3 กระทรวง ทั้งคมนาคม สาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ผ่านมามีผลงานที่จับต้องได้ และผู้สมัครของพรรคในครั้งนี้ เป็นผู้สมัครที่มีชื่อชั้นระดับหัวกะทิ จึงเชื่อว่าภูมิใจไทยจะได้ส.ส.มากกว่า 70 คนอย่างแน่นอน ส่วนฟ้าจะลิขิตให้ได้เป็นนายกฯหรือไม่นั้นก็แล้วแต่คนไทยจะพิจารณา กินข้าวลุงป้อมเที่ยวนี้มองแบบผิวเผินก็คงไม่ได้ อย่าลืมว่าตอนนี้เสี่ยหนูอยู่ในช่วงขาลงหลังพรรคภูมิใจไทยโดนถล่มจากหลายฝ่ายอย่างหนัก จากที่เคยได้รับการจับตามองว่าเป็นพรรคมาแรง เป็นพรรคขั้วใหม่ที่จะขึ้นมาเป็นแกนนำรัฐบาล นอกเหนือจากขั้วเพื่อไทย ขั้วพลังประชารัฐ ขั้วรวมไทยสร้างชาติ ก็มีขั้วภูมิใจไทยของเสี่ยหนูนี้แหละที่หลายคนจับตามอง ก่อนหน้านี้ถ้าใครตามข่าว “เสี่ยเน” เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทยเคยประกาศกร้าวในเกิดตัวเองว่าเลือกตั้งเที่ยวหน้าภูมิใจไทยจะขอกวาดส.ส.120 คน ตอนนี้เฉพาะพรรคตัวเองมีส.ส.เกือบ 70 คน ที่ย้าย ที่ดึง ที่ดูด จากพรรคอื่นๆ ก็มีราว 30 คน บวกลบคูณหารน่าจะมี 100 คนขึ้นไป
ถ้าใครยังจำได้หลายเดือนก่อนเนวินเพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์รายการทีวีแห่งหนึ่ง แบะท่อ้าขาพร้อมทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยฝ่าคอกแม้ว แถมสำทับว่าความขัดแย้งระหว่างตนกับนักโทษเหลี่ยมมันผ่านไปแล้วเพราะมันคืออดีต ปัจจุบันทั้ง 2 พรรคก็มีผู้บริหารชุดใหม่เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหากันระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย เนวินมาพูดตอนนั้นคอการเมืองก็ตีความว่าภูมิใจไทยต้องการจับมือตั้งรัฐบาลกับคอกแม้วแหง๋ๆ เพราะอวยกันขนาดนั้น แต่เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้หมดหลังภูมิใจไทยเจอมรสุมสารพัดลูก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องกัญชาเสรีที่ถูกแรงต้านอย่างหนักจากทั่วสารทิศ แค่นั้นยังไม่พอยังมาเจอชูวิทย์แฉแหลกแถมตามจองเวรไม่สิ้นสุด ทั้งเรื่องความไม่ชอบมาพากลการประมูลโครงการต่างๆในกระทรวงคมนาคม ที่ดินเขากระโดง กัญชาเสรี ฯลฯ สารพัดเรื่องที่ชูวิทย์ประกาศจองกฐินขอตามราวีเสี่ยหนูกับภูมิใจไทยไม่มีวันหยุด งานนี้ส่งผลทำให้เสี่ยหนูกับภูมิใจไทยเสียคะแนนนิยมเสียรังวัดไปมากพอสมควร
ถามว่าเสี่ยหนูกินข้าวกับลุงป้อมโอกาสจะจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งมีความเป็นไปได้ไหม ตอบได้เลยว่ามีความเป็นไปได้สูงเพราะเป็นพรรคขนาดใหญ่ไซด์ใกล้เคียงกัน แถมเคยเป็นรัฐบาลอยู่ขั้วเดียวกัน แต่อนาคตโอกาสตั้งรัฐบาลก็มีหลายสูตรไม่ใช่แค่ “ภท.-พปชร.” เท่านั้น เสี่ยหนูภูมิใจไทยกำลังเลยเลยอาจต้องการหาพวกหาหลักยึดได้ลุงป้อมเป็นพวกก็คงอุ่นใจได้หลายเรื่อง อย่างน้อยคดีความต่างๆก็คงไม่ถูกเร่งเร้าเร่งรัดในตอนนี้ หรือไอ้ที่ค้างๆคาๆอยู่อย่างกรณีศักดิ์สยามถือหุ้นบริษัทถ้าตัดสินได้ก่อนรับสมัครส.ส.ก็คงเป็นผลดีกับภูมิใจไทยแน่นอน ตรงนี้คอนเนกชั่นของลุงป้อมน่าจะช่วยไว้ได้ แต่ดีลตั้งรัฐบาลไม่ได้เกิดง่ายๆ ตัวแปรองค์ประกอบยังมีอีกเยอะ แต่ละพรรคได้เท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ เสี่ยหนูมาจับมือกับลุงป้อมแบบนี้ แสดงว่าโอกาสสูตรจัดตั้งรัฐบาลแบบ “ภท.-พปชร.-พท.” ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน อย่าลืมว่าเพื่อไทยต่อให้ได้ที่หนึ่งก็ไม่มีทางแลนด์สไลด์ได้มากเกินครึ่งถึง 376 คน หรือเอาแค่เป้าหมาย 310 คน ก็ยาก ยังไงก็ต้องใช้บริการพรรคลุงป้อมกับพรรคเสี่ยหนู เป็นฐานในการก้าวเข้าสู่อำนาจ สมมุติถ้าไปจับกันแบบนั้นจริงๆเสี่ยหนูภูมิใจไทยจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะพูดมาตลอดว่าไม่จับมือกับพรรคล้มเจ้าไม่สังฆกรรมกับพรรคจาบจ้วงสถาบัน นั่งกินข้าวถ่ายรูปกันอย่างคิดว่าถึงเวลาเขาจะมาจับมือตั้งรัฐบาลด้วยง่ายๆ
เพราะสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลยังมีอีกมากพลิกแพลงพิศดารได้อีกเยอะ อย่าลืมว่าพี่น้อง 2 ป.บูรพาพยัคฆ์ “ประวิตร-ประยุทธ์” รับราชการกันมาค่อนชีวิต กินข้าวหม้อเดียวกันมาหลายสิบปี ต่อให้แยกกันเดินยังไง แต่สุดท้ายปลายทางก็ไม่มีวันที่จะแยกจากกันอย่างเด็ดขาด สูตรตั้งรัฐบาลระหว่างพี่น้อง 2 ป. รวมพลังกันระหว่าง “รทสช.-พปชร.” ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในคราวหน้า ส่วนใครจะเป็นนายกฯก็ต้องไปดูว่าพี่กับน้องใครได้ส.ส.มามากกว่ากัน ถ้า 2 พรรคได้ส.ส.รวมกันสัก 100 กว่าคน 100 -120 คน บวก ส.ว.อีก 250 คน หาพรรคเล็กพรรคน้อยอีกนิดหน่อยยังไงก็เกินครึ่งหนึ่งของ 2 สภา คือ 376 คน ลุงป้อมกับบิ๊กตู่ก็ได้เป็นนายกฯนั่งเป็นรัฐบาลแบบใสๆ อย่าลืมว่าพรรค 2 ป. นอกจากจะต้องทำสงครามกับพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณแล้ว ในขั้วเดียวกันก็ต้องห่ำหั่นกับเสี่ยหนูภูมิใจไทยเช่นกัน ถ้าภูมิใจไทยมาเกิน 100 คน พรรคพี่น้อง 2 ป.ก็คงลำบาก แต่ถ้ามาไม่มากเสี่ยหนูคงเสร็จ 2 ป. ต้องรับบทเป็นพระรองอีกครั้งเหมือนเช่นเคย เลือกตั้งยังมีเวลาอีกพอสมควร การเมืองยังเปลี่ยนแปลงได้อีกเยอะ พลิกไปพลิกมาได้อีกหลายตลบ นั่งกินข้าวกันวันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนถึงวันหน้า เงื่อนไข ตัวแปร องค์ประกอบ กระสุน กระแส มือที่มองไม่เห็น คะแนนเสียงจากชาวบ้าน มีอีกหลายอย่างที่ต้องเอามาคิด จับขั้วตั้งรัฐบาล ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
////////////////////