วันที่ 20 มีนาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในเฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เบื้องหน้าเบื้องหลัง” ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหาเสียง โดยนายจตุพร ย้อนถามว่า จะทำจริงหรือ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูฯ 2550 ยังไม่กล้าโหวตวาระ 3 เลย เนื่องจากกลัวจะมีอันเป็นไป ตนจึงทะเลาะกับแกนนำพรรคยกใหญ่ และยังเคยบอกไม่ต้องกลัว เพราะศาลรัฐธรรมนูญขณะนั้นไม่ได้สั่งให้ทำอะไร แต่เพื่อไทยกลับไม่กล้าแก้ ม.291 เพื่อตั้ง สสร. แต่ไปแก้เป็นรายมาตราเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. จึงจบเห่อีก อีกทั้งนอกจากไม่กล้าทำแล้ว ยังได้รับสัญญาณบ้าๆว่า ให้หัวหน้าพรรคลาออก ทั้งสละรองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยยอมเสียทีทางการเมือง เพียงเพื่อให้ตัวเองรอดอย่างเดียวเท่านั้น
"จตุพร" ไม่เชื่อน้ำยาเพื่อไทยประกาศแก้รธน.-ปฏิรูปกองทัพ ยกปม "วิกรม" บริจาคทรัพย์สินเหน็บ "เศรษฐา" ปากเห็นใจคนจน แต่ยังเก็บค่าผ่านสะพาน
ข่าวที่น่าสนใจ
ส่วนการที่เพื่อไทยอ้างจะปฏิรูปโครงสร้างกองทัพนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ความจริงแล้ว พ.ร.บ.กลาโหม เมื่อมีอำนาจก็ไม่กล้าแตะต้อง รัฐบาลได้เพียงการปลอบขวัญในตำแหน่งปลัดกลาโหมเท่านั้น โดยเชื่อว่า กองทัพจะมาค้ำบัลลังก์ให้รัฐบาล แล้วไปหลงติดกับดักการยุบสภาเข้าไปอีก พร้อมเล่าว่า คืนหนึ่ง ประมาณตีหนึ่ง พี่เปีย พเอกอภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯในขณะนั้น โทรมาว่า ทักษิณ กำลังจะยุบสภา ตนจึงโทรไปถามทักษิณ ให้ช่วยตอบคำถาม 2 ข้อคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะหยุดหรือไม่ ทักษิณ บอกว่าอย่างไรก็ต้องหยุด และสองประชาธิปัตย์จะลงเลือกตั้งหรือไม่ ทักษิณตอบว่า มั่นใจอย่างไรก็ต้องลง แล้วเป็นอย่างไงละ ฉิบหายทั้งสองข้อหรือไม่ หลังจากยุบสภาแล้ว สุเทพก็ไม่หยุดชุมนุม ประชาธิปัตย์ยังบอยคอตการเลือกตั้ง ดังนั้น สิ่งที่ปรากฎกับเพื่อไทยคือ การใช้ชัยชนะของประชาชนอย่างสิ้นเปลืองมากที่สุด
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีนายวิกรม กรมดิษฐ์ เสียสละสมบัติให้เป็นสาธารณะประโยชน์ว่า สำหรับนักธุรกิจการเมืองผู้ร่ำรวย เอาแต่แสดงการเห็นใจคนจน ทั้งที่ความจริงยังเก็บเงินค่าถนนผ่านสะพานบนที่ดินตัวเองอีก สิ่งนี้จึงวัดจิตสาธารณะของคนร่ำรวยได้ชัดเจนว่า ไม่มีจิตสาธารณะเสียสละเพื่อสังคมเลย แล้วจะมาช่วยเหลือประชาชนยากจนกันแบบไหนกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง