จากกรณีท่อวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ ซึ่งอยู่ภายในบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 5 เอ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 2 ถนนทางหลวง 3079 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยท่อบรรจุซีเซียม-137 มีลักษณะเป็นท่อกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว น้ำหนัก 25 กิโลกรัม ถูกใช้เป็นเครื่องมือวัดระดับขี้เถ้าในไซโลของโรงไฟฟ้า โดยวานนี้ (20 มี.ค.66) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดปราจีนบุรี นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณู (ปส.) ดร.กิตติ์วิน อรามรุญ รองโฆษกฯ และหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ปส. และคณะ พร้อมด้วย นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี พล.ต.ต.วินัย นุชขา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี และนายสุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณะสุข จ.ปราจีนบุรี ร่วมแถลงข่าวกรณี ซีเซียม-137 หรือ วัตถุซึ่งมีมวลสารกำมันตรังสี หายไป หลังตรวจพบสารดังกล่าวที่ โรงงานหลอมเหล็ก ในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ด้านนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการ ปส. เผย ซีเซียมไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากฝีมือมนุษย์ และก่อนนี้มีโรงงานไฟฟ้าแห่งหนึ่งทำซอร์สหาย ซึ่งเป็นโรงงานที่ถือครองสารดังกล่าวมาแต่ปี 2538 และที่ผ่านมาทางโรงงานมีการดูแลสารนี้อย่างดีเยี่ยมมาตลอด กระทั่งมีข่าวซีเซียมหาย ตนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าการหายไปของซีเซียมเกิดจากฝีมือมนุษย์ ซึ่งจากกรณีนี้ โรงงานดังกล่าวที่ทำซอร์สหายไปตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 66 โดยไม่ได้แจ้งทาง ปส. ทันทีที่หาย แต่มาแจ้งให้ทราบในวันที่ 10 มี.ค. แล้ว กระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุเลยว่าซอร์สหายไปได้อย่างไร? ส่วนประเด็นที่ ซีเซียม ถูกหลอมไปแล้วนั้น นายเพิ่มสุข เลขา ปส. เผยว่า โรงหลอมเหล็กต้องใช้อุณหภูมิถึง พันองศาในการหลอม แต่ซีเซียม แค่ 600 องศามันก็แตกแล้ว ดังนั้นที่บอกว่าเจอซีเซียม คือ ซีเซียม-137 ถูกตรวจพบอยู่ในฝุ่นแดง หรือฝุ่นโลหะที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในโรงหลอมเหล็ก