วันที่ 22 มี.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงเป้าหมายการทำงาน หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า การจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องอาศัยหลายปัจจัยเข้ามาประกอบ ชั่วโมงนี้ ใกล้เลือกตั้ง ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจในตัวเรา และตัวพรรค ที่ผ่านมา น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าพรรคเราพูดแล้วทำ ไม่ขายฝัน ทำได้จริง ตรงนี้เชื่อว่าประชาชนมองเห็น แต่ถ้าวันนั้น มาถึงจริง ๆ ตนมองว่าเรื่องคุณภาพชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ใครก็ตามที่เข้ามา ต้องทำให้ประชาชน อยู่ดี กินดี มีความสุข การที่ตนเชื่อแบบนั้น ทำให้ตอนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งการฟอกไตฟรี การจัดหาเครื่องฉายแสงกระจายการให้บริการแบบทั่วประเทศ ให้ประชาชนได้เข้าถึงการรักษาในเวลาอันรวดเร็ว นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ผู้สูงอายุ รัฐต้องเข้าไปดูแล อาทิ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ฟรี การตรวจเช็คสุขภาพ มีแว่นตาฟรี มีฟันเทียม มีบริการรักษารากฟัน ระบบการคัดกรองสุขภาพผู้สูงวัย
ข่าวที่น่าสนใจ
“คนไทย รัฐต้องเข้าไปดูแล เราต้องช่วยอำนวยความสะดวกกับประชาชน เขาบอบช้ำจากวิกฤติเศรษฐกิจ เราต้องพักหนี้ให้เขา ให้เขาได้มีโอกาสได้ฟื้นตัว เมื่อเขาแก่ตัวลง เราก็ต้องมีระบบคัดกรองสุขภาพ ดูแล ให้ความช่วยเหลือ พอถึงช่วงวัยหนึ่ง ผู้สูงวัยอาจจะป่วยติดเตียง รัฐต้องไม่ทอดทิ้ง ให้เป็นภาระของลูกหลาน พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายกรมธรรม์ผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ ได้รับสิทธิ์ เป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต ผู้สูงอายุสามารถกู้เงินมาดูแลตัวเองได้ เมื่อเสียชีวิต ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาท และครอบครัว รายละ 100,000 บาท ให้คนที่จากไป ไม่ต้องกังวล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า เราต้องทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น จากความที่ไทย ตั้งอยู่ศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนนี่คือโอกาสที่ไทยต้องรักษาไว้ ในเวทีโลกต่างพูดกันว่า ใน 20 ปีนี้ อาเซียน จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของโลกนี่คือสิ่งที่ไทยต้องได้ประโยชน์ด้วย เราต้องเร่งพัฒนาตัวเอง วางเป้าหมายให้ชัดแล้วไปให้ถึง จะเป็นเมดิคัล ฮับ จะเป็นศูนย์กลางการลงทุน จะเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยว เราต้องเอาจริง ตอนนี้เราสามารถไปเป็นเซ็นเตอร์ด้านการขนส่งได้ พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายแลนด์บริดจ์ เชื่อมอ่าวไทย กับอันดามัน ด้วยทางถนน ทางรถไฟ ทางด่วน ทางท่อ ร่นเวลาการขนส่งจาก 7 วันเหลือเพียง 1 วัน เป็นโครงการที่จะช่วยให้ไทยมีศักยภาพ ในการเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมของภูมิภาค “การเป็นผู้นำไทย มันต้องคิดถึงประชาชน ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และต้องรับผิดชอบ นี่เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง” นายอนุทิน กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
