“ชูวิทย์” โต้รัว งัดหลักฐานรับเงิน ฟาดกลับ “ทนายตั้ม” พร้อมท้าสาบาน

ภายหลังจาก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯได้นัดหมายสื่อมวลชน แถลงข่าวเกี่ยวกับต้นตอของภาพถุงเงินสดจำนวน 10 ล้านบาท ที่ทนายตั้มยอมรับว่า ตนได้รับข้อมูลทั้งหมด มาจากหลานชายภรรยาของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยเงินจำนวนดังกล่าวนั้น มีการนัดหมายมาส่งมอบกันที่โรงแรมเดอะเดวิด ซึ่งทนายตั้มเปิดเผยว่า มีตัวละครที่อยู่ในเหตุการณ์ กระทั่งในช่วงเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเดอะเดวิด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้ประเด็นที่ทนายตั้มกล่าวหาด้วยเช่นกัน โดยก่อนการแถลงข่าว นายชูวิทย์ได้นำพระบรมรูปหล่อของ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขึ้นมาสาบาน ว่า สิ่งที่ตนจะชี้แจงต่อไปนี้เป็นความจริงทั้งหมด หากสิ่งที่ตนชี้แจงสิ่งใดไม่เป็นความจริงขอให้ชีวิตของตนพบกับความวิบัติ พร้อมทั้งมีการนำตราชั่งโบราณ มาเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงออก ถึงความเที่ยงตรงโดยการนำเหรียญมาหยอดใส่ตาชั่ง ต่อหน้าสื่อมวลชนที่มาร่วมติดตามทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง เปิดฉากแถลงโต้กลับ กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กล่าวหาตนเองว่าเรียกรับเงินจากผู้ทำเว็บพนันออนไลน์และธุรกิจผิดกฎหมาย ว่า ทนายตั้มรับข้อมูลจากนายเปา หรือ นายจิราวัฒน์ โพธิ์สุวรรณ ที่ตนเลี้ยงดูมาดั่งลูกตั้งแต่ยังเล็ก เพราะพ่อเขาติดคุก ส่วนแม่ก็แยกทางไป ตนส่งเสียให้เรียนโรงเรียน ภปร. จนจบการศึกษา และคอยให้นายเปาเป็นคนทำหน้าที่ติดตามตัวเอง กระทั่งตนติดคุก จึงให้ นายเปา ไปคอยเก็บเงินค่าเช่าคอนโดมิเนียม และพบว่าเงินที่ให้นายเปาไปเก็บนั้น นายเปาไม่เคยนำส่งตนเลย จนในที่สุด นายเปา ก็เลิกทำ แล้วทราบต่อมาภายหลังว่า นายเปา ไปทำงานกับสารวัตรซัว หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล เจ้าพ่อเว็บพนันออนไลน์ของเมืองไทย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่าง นายเปา และ สารวัตรซัว ทั้งสองคนรู้จักกันสมัยที่เรียนโรงเรียนเดียวกันมา โดยได้ค่าจ้าง 3-4 แสนบาท และให้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของลาลิซ่า อาบอบนวด ส่วนประเด็นที่ทนายตั้มกล่าวหา นายชูวิทย์ยอมรับว่า ตนเองเคยพบกับนายแทนไท ซึ่งมีอดีตนายตำรวจยศ พล.ต.อ.ที่ตนรู้จักกัน พามาหาที่โรงแรมเดอะเดวิดตอนกลางวัน เพื่อปรึกษาว่าจะฟ้องร้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือไม่ หลังจากนายสนธิได้นำเสนอข่าวของนายแทนไท ว่ามีส่วนพัวพันเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ หลังนายแทนไทและพวกได้เข้าพบนายชูวิทย์ นายชูวิทย์ได้แนะนำนายแทนไท ว่าอย่าไปฟ้องนายสนธิเลย เพราะสู้ไม่ได้ ก่อนนายแทนไท จะกลับไป ซึ่งนายชูวิทย์ระบุว่า ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมนายแทนไทต้องมาปรึกษาตัวเอง

ประเด็นต่อมาคือเรื่องที่มีเงินดิจิตัล 50 ล้านบาท ที่ทนายตั้มระบุว่า มีการโอนเข้ามายังบัญชีของกล่องดวงใจ หรือนายเติม ลูกชายคนเดียวของตน ยืนยันว่าลูกชายตัวเองมีอันจะกิน เพราะได้รับเงินเดือนจากตน ไม่เคยเล่นการพนัน และไม่มีเงินตามที่ทนายตั้ม กล่าวอ้างโอนเข้ามา เว้นแต่เพื่อนของลูกตนจะทำเว็บพนันหรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่เพียงเท่านั้น นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นเรื่องรูปเงินทั้ง 2 ถุง ที่ทนายตั้มโพสต์ไว้และบอกว่ามีเงินมากกว่า 6 ล้านบาทตามที่ตนระบุ โดยตนขอชี้แจงว่า เงินดังกล่าวมีถุงละ 3 ล้านบาท รวมเป็น 6 ล้านบาท ไม่มีเงินจากแหล่งอื่นมาเพิ่มเติม ซึ่งเงินดังกล่าวมีตำรวจเกษียณราชการ ชื่อ อ.และอีกนายชื่อ ป.ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยยังทำอาบอบนวด นำมาให้ตนในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ปีนี้ และได้ปฏิเสธไปแล้ว แต่ภาพดังกล่าวไม่ได้ถ่ายที่โรงแรมแห่งนี้ และไม่ทราบว่าผู้ใดนำไปเปิดเผย ซึ่งตนไม่สนใจ แต่เชื่อว่าเป็นการแบล็กเมล์ และเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองที่ตนกำลังทำลายนโนบายพรรคการเมืองอย่างพรรคภูมิใจไทย

หลังจากได้รับเงินจำนวน 6 ล้านบาท ตนจึงตัดสินใจนำเงินทั้งหมด ไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 และ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 15 มีนาคม 2566 พร้อมยอมรับว่าตัวเองไม่มีทางออก ซึ่งตามจริง ตนควรจะนำไปให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) แต่คิดว่าไม่มีประโยชน์ จึงนำไปบริจาคเพราะไม่กล้าใช้ ยิ่งหากได้เงิน 10 ล้านบาทจริงตามที่ทนายตั้มอ้าง ตนจะแบ่งเก็บและบริจาคก็ได้ แต่ตัวเองมีทรัพย์สินมากกว่าที่ได้รับมาเยอะ และยินดีให้สังคมตัดสินว่าตัวเองเป็นอย่างไรกับการนำเงินสีเทาไปบริจาค เพราะตนมักพูดเสมอว่าตัวเองไม่ใช่คนดี

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังถามถึงทนายตั้มว่ารับงานมาจากใครหรือไม่ ยอมรับว่ามีบางเรื่องที่กล่าวหามานั้นมีทั้งถูกและผิด ซึ่งไม่ทราบเหตุผลที่ต้องออกมาพูดในครั้งนี้ พร้อมตอบคำถามที่ว่า ทำไมตนถึงไม่แฉเรื่องนายแทนไท เพราะเขาเปลี่ยนธุรกิจให้ถูกตามกฎหมายไปแล้ว จึงไม่นำมาแฉ รวมถึงหลังจากนี้ ตนไม่ยอมรับนายเปา เป็นหลานอีกต่อไปแล้ว เพราะถือว่าเป็นคนเนรคุณ ซึ่งปัจจุบันตนไม่เคยได้พบหรือติดต่อกันอีก อย่างไรก็ตาม ภายหลังแฉกลุ่มธุรกิจสีเทา ก็มีคนพยายามจะเข้ามาพบหรือหารือตนเสมอ แต่ตนไม่ได้ให้เข้าพบง่ายๆ ยอมรับว่าได้รับเงินจากกลุ่มของสารวัตรซัวจริงเพราะเลี่ยงไม่ได้ แต่ตนก็นำเงินไปบริจาคต่อ แต่ยืนยันว่าไม่เคยพบหรือแม้แต่จะโทรศัพท์คุยกับสารวัตรซัว ฝากถึงทนายตั้มด้วยว่า หากมีหลักฐานอื่นก็ยินดีให้เปิดเผย ยอมรับว่าไม่โกรธ เพียงแต่สงสัยว่าจู่ๆ ก็มาทิ่มแทงตนในเวลานี้ หากได้คุยกับตนก็สามารถชี้แจงได้ และในอนาคต หากทนายตั้มสนใจอยากร่วมแฉโครงการทุจริตรถไฟฟ้ากับตน ก็ยินดีหากเป็นประโยชน์กับประชาชน ขณะเดียวกัน นายชูวิทย์ยังได้เปรียบเปรยว่าทนายตั้มกับตน ถ้าเป็นนักมวยก็คงเป็นมวยคนละชั้น โดยทนายตั้มคือมวยรุ่นไลท์เวท ส่วนตนคือมวยรุ่นเฮฟวี่เวท โดยในช่วงท้าย นายชูวิทย์ยังได้กล่าวถึงกรณีเรื่องที่ดินที่สุขุมวิทซอย 10 ที่ทนายตั้มกล่าวหานั้น ยอมรับว่าตนเองเป็นผู้สั่งให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าว แต่ยืนยันไม่ได้โกง และเสียภาษีปีละ 2 ล้านบาท โดยทนายตั้มให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน เนื่องจากศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องไม่มีความผิด ศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก 5 ปี ยืนยันว่าไม่เคยหาผลประโยชน์จากที่ดินดังกล่าว หลังออกจากคุกที่ถูกจองจำเป็นเวลา 10 เดือน และไม่ได้ผลประโยชน์จากที่ดินมานานกว่า 12 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นิพิฏฐ์" โพสต์เดือด "ทนายความหรือปีศาจ" ชี้ขนาดทนายดัง ยังมีคดีอิรุงตุงนัง
“ดิ ไอคอน” ประกาศปิดสำนักงานชั่วคราว หลังดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ
ฝนยังไม่หมด กรมอุตุฯ เตือน 28 จว. รับมือฝนตกหนัก กทม.ก็ไม่รอด
ฮาโลวีนแปดริ้วผีแดนซ์และเหมือนจนเด็กร้องกรี๊ด
ผบช.ทท. สั่งการ ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา คุมเข้ม ดูแล นทท. คืนปล่อยผี พร้อมแจกอมยิ้มสร้างสีสัน
“พิชัย” เร่งเจรจา FTA ไทย-ยูเรเซีย เปิดการค้าการลงทุน
ตร.บช.ก.สอบ "เจ๊อ้อย" มาราธอนนานกว่า 10 ชั่วโมง ปมเงิน 71 ล้านบาท
ฮือฮา วัตถุมงคล "หมูเด้ง ฮิปโปกวักทรัพย์"  ด้าน "สำนักปฏิบัติธรรมฯ" แจงฆราวาสเป็นผู้จัดสร้าง นิมนต์พระไปอธิษฐานเท่านั้น
อบจ.อยุธยา เตรียมจัดงานแสง สี เสียง ลอยกระทงกรุงเก่า อาบน้ำเพ็ญเดือน12กับเกจิชื่อดัง ชมแข่งขันชกมวยเยาวชนไทย
20 ปี “เทศกาลท่องเที่ยวแม่เมาะ” เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว ตอกย้ำความประทับใจ ชวนสัมผัสธรรมชาติ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น