สร้างความฮือฮาอีกครั้งเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อญี่ปุ่น Kyodo News ว่า พร้อมที่จะกลับมารับโทษจำคุกในประเทศไทย หากได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน พ.ค. นี้จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม
“ตอนนี้เหมือนติดอยู่ในคุกขนาดใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้อยู่กับครอบครัว ทรมานมามากพอแล้ว ถ้าต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้งในคุกที่เล็กกว่านั้น ก็ไม่เป็นไร เพราะอยากอยู่กับลูกหลาน”
การสัมภาษณ์ของ “ทักษิณ” ที่เล่นใหญ่กันถึงขนาดนี้มีประเด็นที่น่าสนใจว่าสิ่งที่พูดคือเรื่องจริง หรือต้องการสร้างกระแสเรียกความสงสารจากบรรดากองเชียร์ให้เลือกพรรคเพื่อไทยกันเยอะ ๆ ส่งผลให้คะแนนถล่มทลายทะลุเป้าไปถึง 310 เสียงหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีที่คนแดนไกลเลือกใช้คำ “ไม่ว่าผลการเลือกตั้งที่จะออกมาเป็นอย่างไร”อย่างจงใจเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
เมื่อย้อนดูคดีที่ “ทักษิณ”กระทำผิดต่อประเทศชาติและแผ่นดินพบว่ายังเหลือคดีที่คนแดนไกลต้องรับโทษหากกลับมาติดคุกตามคำพิพากษาอีก 3 คดี โดยมีโทษรวมกัน 12 ปี ประกอบไปด้วย 1.คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า คดีหวยบนดิน โดยศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก “ทักษิณ” 2 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การสั่งการของ “ทักษิณ” ไม่ชอบด้วยกฎหมายและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเงินที่จ่ายเกินไปกว่ารายได้ของการจำหน่ายสลากจึงถือว่าก่อให้เกิดผลขาดทุนแก่รัฐ
2.คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลสหภาพพม่า โดยศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม)
คดีนี้ศาลพิจารณาเห็นว่า “ทักษิณ”สั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อจำนวน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลสหภาพพม่า โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน เพื่อนำเงินกู้ดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น