“สันติสุข” ยกวินิจฉัยศาลฎีกา ชี้ชัด “ชูวิทย์ “ยกที่ดินเป็นสวนสาธารณะแล้ว

"สันติสุข" ยกวินิจฉัยศาลฎีกา ชี้ชัด "ชูวิทย์ "ยกที่ดินเป็นสวนสาธารณะแล้ว

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปยื่นคำร้องต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ขอให้ช่วยตรวจสอบ สถานะของที่ดินสวนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง บริเวณสุขุมวิท ซอย 10 หลังเคยมีกรณีพิพาทกันในคดีรื้อทุบบาร์เบียร์ว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามกฎหมายไปแล้วหรือไม่นั้น

 

 

ย้อนไปก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ ระบุว่า ที่ดินดังกล่าวมีขนาด 6 ไร่ อยู่ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 นายชูวิทย์ ยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้น เขายกให้เป็นสาธารณะประโยชน์ชั่วคราว

 

 

ทั้งนี้เมื่อไปดูที่ดินสวนชูวิทย์พบว่าอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทย์ ซ.10 อยู่ระหว่างปิดล้อมรั้ว เพื่อทำการก่อสร้างพัฒนาอาคาร นายชูวิทย์ ไม่เปิดเผยว่าจะพัฒนาเป็นอะไร บอกเพียงแต่ว่าเป็นกิจการของลูก เขายืนยันว่าซื้อที่ดินผืนนี้มาเมื่อปี 2543 ในราคา 500 ล้านบาท เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ไม่เคยยกที่ดินผืนนี้ให้เป็นสมบัติของสาธารณะ เพียงแต่ในช่วงที่มีการต่อสู้คดีรื้อบาร์เบียร์ 12 ปี เขาไม่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่บริเวณนี้เลย และทำเป็นสวนสาธารณะชื่อว่าสวนชูวิทย์ จึงได้เขียนคำร้องต่อศาล ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่านายชูวิทย์ชำระค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว และระหว่างต่อสู้คดีไม่ได้นำที่ดินไปทำกำไร ทั้งยังให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ จคงพิจารณาลดหย่อนโทษให้จากจำคุก 5 ปี เหลือ 2 ปี

นายชูวิทย์ ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ที่ดินยังเป็นของเขา มีหลักฐานการเสียภาษีชัดเจน ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม-กันยายน ปีที่แล้ว ก็เพิ่งชำระภาษีที่ดินไปเป็นเงินกว่า 2,250,000 บาท

สำหรับที่ดินผืนนี้ เนื้อที่ 6 ไร่ ตอนซื้อมาปี 2543 มุลค่า 500 ล้านบาท แต่ปัจจุบันราคาดีดขึ้นไปหลายเท่าตัว อยู่ที่ตารางวาละ 2.8 ล้านบาท รวมมูลค่า 6 ไร่ ก็ประมาณเกือบ 7000 ล้านบาท ซึ่งที่ดินผืนนี้ น่าจะเป็นผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโซนสุขุมวิทย์ตอนต้นที่ยังไม่ได้ทำประโยชน์

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดทางด้านนายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ประกาศข่าวท็อปนิวส์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงประเด็นนี้ด้วยว่า ประเด็นเรื่องสวนชูวิทย์นี้ ผมได้ติดตามมานานแล้วนะครับ

 

 

ตั้งแต่ก่อนที่คุณชูวิทย์จะออกมาแฉจีนเทา ฯลฯ นานเป็นปีด้วยซ้ำ ผมสนใจมากเป็นพิเศษตรงที่ว่า

“ศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานตลอดมาว่า
การแสดงเจตนายกที่ดินให้เป็นที่สาธารณะด้วยวาจา โดยไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็มีผลเป็นที่สาธารณะตามกฎหมาย

……แม้จะไม่แก้ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดินก็เป็นที่สาธารณะได้
และเมื่อที่ดินตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว ย่อมไม่สามารถโอนให้แก่บุคคลอื่นโดยทางนิติกรรมได้อีก
แม้จะมีการโอนไปให้บุคคลอื่นก็ไม่มีผลให้ที่ดินหมดสภาพจากการที่สาธารณะ”

คุณชูวิทย์เคยแถลงข่าว 22 พค 48 ประกาศเจตนา กับ 24 ธค 48 ประกาศเปิดสวนสาธารณะ สวนชูวิทย์ และที่ให้การกับศาลจนได้รับการบรรเทาโทษ

คุณชูวิทย์เอง เคยเขียนเล่าไว้ในเว็บไซต์มติชนออนไลน์ บางตอนว่า
“…คำรับสารภาพของผมแม้ว่าศาลฎีกาจะไม่รับพิจารณา แต่ก็ได้ลดโทษจาก 5 ปี เหลือ 2 ปี เหตุเพราะผมสำนึกผิด และได้พยายามเยียวยาโดยนำเอาที่ดินมูลค่ามหาศาลทำเป็นสวนสาธารณะปลูกต้นไม้ให้เป็นประโยชน์กับประชาชนสามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางตึกสูงระฟ้า ทั้งโรงแรม สำนักงานล้อมรอบแทนที่จะนำที่ดินมาทำประโยชน์หาผลตอบแทนทางธุรกิจ…”

แม้ไม่ได้โอน ไม่ได้เปลี่ยนชื่อกรรมสิทธิ์ แต่ถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ยกให้เป็นสวนสาธารณะ เป็นสาธารณสมบัติแผ่นดินใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือไม่?

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น