ยังคงออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้กันอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองจอมแฉ กับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน หรือทนายตั้ม ซึ่งมีที่มาจากปมถุงเงิน 6 ล้าน ของสารวัตรซัว มาเฟียออนไลน์ รายใหญ่ หลังเมื่อวานทนายตั้ม ตั้งโต๊ะแถลง โต้เรื่องการเรียกเก็บค่าแถลงข่าว ในคดีที่รับจากลูกความว่าเป็นค่าเส่ยงภัยและค่าดำเนินการในการถูกฟ้องร้อง และปฏิเสธเรื่องรับเงินมาล้มนายชูวิทย์ พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลนายพลตำรวจ 2 นายที่เข้ามาเกี่ยวข้องนำเงินของสารวัตรซัวมามอบให้นายชูวิทย์
ล่าสุด วันนี้ ( 28 มี.ค.) มีรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เคลื่อนไหว โจมตี ทนายตั้มผ่านเพจเฟซบุ๊ค ของตัวเอง โดยการติดแคปชั่น “ทนายสีเทา” พร้อมระบุ หากคนไม่มีทุกข์ ไม่เดือดร้อน ไม่มีใครไปหาทนาย
มันไม่ได้หมายความว่า “ผู้บริสุทธิ์” จะเป็นผู้ชนะคดีเสมอ ทนายเป็นตัวแปรสำคัญในการนำเสนอต่อศาล มีทั้งทนายถูกฝั่งตรงข้ามซื้อตัว หรือเป็นทนายเก่งวิ่งความ แต่ว่าความไม่เป็นสับปะรด ทนายที่ดีได้รับเงินค่าว่าจ้างในการว่าความให้ลูกความ มากน้อยแล้วแต่มาตรฐานของทนาย และลูกความ แต่ละคดีมีความยากง่ายต่างกัน ค่าทนายก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของทนายเป็นสำคัญ ทนายบางคนไม่ได้เงิน หรือได้เงินน้อย แต่ทำเพราะอยากช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยแล้วมีคดีถูกฉ้อโกง
อย่างนี้จึงเรียกว่า “ทนายประชาชน”
นายชูวิทย์ ยังกล่าวต่อไปว่า สำหรับการอาศัยสถานะทนาย ไปเก็บเงิน “ค่าแถลงข่าว” นี่เป็นครั้งแรกที่เจอในชีวิตผมตั้งแต่เคยขึ้นโรงขึ้นศาลมานับครั้งไม่ถ้วน ทนายตั้มเป็นคนแรกที่เคยพบ ผมเป็นคนสีเทา เรื่องที่เอามาตีแผ่มาจากแหล่งข่าวเทาๆ ของผม จะไปบอกใครให้รู้ก็ไม่ได้ มันผิดวิสัย “จริยเทา” ของผมเป็นอย่างมาก หากเป็นโจรก็มี “จิตใต้สำนึก” ได้เหมือนกัน ไม่ใช่มีเฉพาะในคนดี เพียงแต่จิตใต้สำนึกของโจรมันต่างกัน มันออกจะดิบกร้าน แต่ชัดเจนตรงไปตรงมาเพราะไม่ต้องอ้างเอาธรรมะมาปกป้อง