“TOP News” เดินหน้าตรวจสอบเพิ่มเติมประเด็นร้อน ว่าด้วยสาเหตุทำไมคนไทยต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงเกินความจำเป็น โดยเฉพาะกับมุมมองของ นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ และ อดีตรมว.คลัง ในการพูดถึงเหตุผลข้อหนึ่ง เกี่ยวข้องกับกาที่ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตและซื้อไฟฟ้ามาสำรองค่อนข้างมากถึงประมาณ 50-55% ในขณะที่มาตรฐานสากลการผลิตไฟฟ้าสำรองจะอยู่ที่ 15-20% เท่านั้น
“ถึงเวลาที่จะต้องมาดูโครงสร้างการจัดหาพลังงานของประเทศ ซึ่งหากเป็นในเรื่องของค่าไฟฟ้าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนเอามาขายให้ประชาชน ซึ่งจะต้องเข้าไปดูให้ละเอียดในจุดนี้ว่า สัญญาที่ทำตลอดมามีการจ่ายค่า AP หรือ ค่าความพร้อมจ่าย ให้เอกชน แม้ว่าจะมียังไม่มีการผลิตไฟฟ้าก็ตาม และถือเป็นประเด็นที่รัฐบาลต่อไปจะต้องเข้ามาดูอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเจรจาต่อรอง แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายก็ตาม
ล่าสุดรายการ TOP Biz insight เพิ่มเติมข้อมูล ว่า นอกเหนือภาพรวมรายได้ของกฟผ.ที่มีอัตราลดลงเรื่อย ๆ สวนทางกับผลประกอบการของบริษัทเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้า จะบ่งชี้สัญญาณไม่ปกติในวิธีการจัดการระบบพลังงานของประเทศแล้ว ยังสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงกระทรวงการคลัง เนื่องจากรายได้ของกฟผ.ในฐานะรัฐวิสาหกิจอันดับต้นๆของประเทศที่ต้องส่งกำไรครึ่งหนึ่ง ตามกฎหมาย เป็นระเบียบ ให้กับกระทรวงการคลัง แต่เมื่อดูข้อมูล ทางการเงินของกฟผ. กลับพบว่ามีการค้างเงินนำส่งเข้าคลัง ปี 2564 รวมเป็นเงิน 11,007 ล้านบาท และ ปี 2565 รวมเป็นเงิน 26,848 ล้านบาท
ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินต้องนำเข้ากระทรวงคลังแล้วนำไปช่วยลดภาระในการที่รัฐบาลจะต้องไปกู้เงิน และโดยบทบาทของกฟผ. จริง ๆ คือ ต้องผู้แบ่งปันการผลิตไฟฟ้านำขายประชาชนในราคาถูก รวมถึงกฟผ.ควรจะต้องมีกำไร และ 50 % ของผลกำไรต้องถูกนำส่งเข้าคลัง เพื่อนำไปเป็นเงินคงคลังให้กับรัฐบาล แต่ปรากฎว่าปัจจุบันกลายว่าไม่สามารถดำเนินการอย่างในอดีต หนำซ้ำกลายเป็นรัฐวิสากิจที่มียอดค้างนำส่งกระทรวงการคลังปีละกว่า 1-2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่เมื่อดูผลประกอบการของบริษัทกัลฟ์ ผลการดำเนินงาน ปี 2565 รายได้รวมอยู่ที่ 101,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% แยกเป็นกำไรจากการดำเนินงาน 12,098 ล้านบาท หรือเท่ากับเพิ่มขึ้น 37%
ขณะที่หนี้สินของกฟผ. ณ สิ้นปี 2565 มียอดรวมหนี้สินอยู่ 1,072,526 ล้านบาท เลยเป็นที่มาว่า แล้วทำไมเอกชนทำได้ ทำไมกฟผ.ทำไม่ได้ และ เวลานี้ ทุกฝ่าย ทุกส่วน ออกมาพูดตรงกันแล้วว่า เป็นเพราะประเทศไทย ปล่อยให้สัดส่วนไฟฟ้าสำรองมีมากเกินความจำเป็น