ไม่ต้องมีร้านหรู ไม่ต้องดูดี ที่นี่เน้นอร่อย แถมราคาถูก กับ “บาบีคิวรถพ่วง” ยืนกินก็ได้ ไม้ละ 10 บาท

สุรินทร์ - ไม่ต้องมีร้านหรู ไม่ต้องดูดี ที่นี่เน้นอร่อย แถมราคาถูก กับ "บาบีคิวรถพ่วง" ยืนกินก็ได้ ไม้ละ 10 บาท ที่ตลาดอำเภอรัตนบุรี จ.สุรินทร์

วันที่ 1 เมษายน 2566 ที่บริเวณริมถนนศรีนคร อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวได้ผ่านไปพบกับร้านๆหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากมีลูกค้ามารออุดหนุนกันอย่างต่อเนื่อง จึงได้แวะเข้าไปดู ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นร้านขายบาบีคิวปิ่งย่างบนรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ที่ดัดแปลงมาเป็นรถขายบาบีคิวเคลื่อนที่ได้อย่างลงตัว ไม่ได้เน้นหรูดูดีอย่างไร แต้เน้นที่รสชาติอร่อย แถมราคาถูก โดยจำหน่ายเพียงไม้ละ 10 บาทเท่านั้น ซึ่งหากซื้อ 10 ไม้ ก็จะได้แถมฟรีอีก 1 ไม้ โดยเลือกได้ตามใจชอบ จากนั้นยืนรอพ่อค้าย่างให้ร้อนๆ ซึ่งไม่นาน ก็จะได้บาบีคิวร้อนๆไปทานที่บ้าน หรือจะยืนกินข้างร้านก็ได้ กับบรรยากาศริมทางก็ฟินไปอีกแบบ

สำหรับบาบีคิวนั้นก็จะมีให้เลือกอยู่ 3 ชนิด คือบาบีคิวเนื้อ บาบีคิวไก่ และบาบีคิวหมู ในราคาเดียวกันคือไม้ละ 10 บาท หลังจากย่างร้อนๆเสร็จก็จะราดด้วยซอสปรุงรส แซบถึงใจ ด้วยรสชาติแบบไทยๆ

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดย นายดนัย สอนเลิศ อายุ 50 ปี เป็นชาวบ้านผือ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ได้เปิดเผยว่า เดิมทีตนขายอยู่ที่กรุงเทพฯ แถวๆย่านสถานบันเทิงต่างๆ มากว่า 20 ปี จนกระทั่งมาเจอสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน ที่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ แล้วก็มาขายบาบีคิวที่ตลาดอำเภอรัตนบุรี ซึ่งแรกๆก็หวั่นๆอยู่ว่าจะขายได้หรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าคนที่นี่เขาจะชอบกินหรือไม่ เพราะมันเป็นอาหารฝรั่ง แต่กลับผิดคาด ปรากฏว่ามีลูกค้าแห่มาอุดหนุนกันอย่างมากกมาย เพราะเป็นความแปลกใหม่ แม้จะเป็นอาหารฝรั่ง แต่เอามาทำเป็นรสชาติแบบไทยๆ จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจลูกค้าไปตามๆกัน

 

 

 

 

 

สำหรับสูตรการทำนั้น นายดนัย พ่อค้าบาบีคิว กล่าวว่า ตนได้มาจากลุงซึ่งทำขายมาก่อน จากนั้นตนก็เอามาทำขายเอง โดยวัตถุดิบตนก็จะไปสั่งจากพ่อค้าในตลาดโดยตรงให้คัดเอาแต่เนื้อในส่วนที่ตรงตามสูตร จากนั้นก็จะนำมาหมักแล้วก็หั่นเป็นชิ้นๆแต่พอคำ เสร็จแล้วก็จะนำมาทำการเสียบไม้เก็บไว้รอขายในตอนเย็นทุกๆวัน ซึ่งวันหนึ่งก็จะขายได้ประมาณ 700 กว่าไม้ทุกวัน ส่วนรายได้ก็อยู่ที่วันละ 1,500 – 2,000 บาท โดยจะออกขายทุกวันในเวลาประมาณ 4 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มของก็จะหมด ซึ่งจุดที่จอดขายประจำก็จะมีช่วงเย็นที่บริเวณหน้าวัดใต้บูรพาราม พอเริ่มจะมืดก็จะย้ายมาขายในตลาดบริเวณข้างๆร้านสะดวกซื้อ ใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าประจำและลูกค้าที่สัญจรผ่านมาทางถนนเส้นนี้ ซึ่งช่วงหัวค่ำลูกค้าก็จะคึกคักมากเป็นพิเศษ และมีมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งของหมด ซึ่งบางวันก็จะหมดก่อน 2 ทุ่ม โดยของจะขายหมดทุกวันไม่เคยมีเหลือ ทำให้ทุกวันนี้ ตนไม่อยากกลับไปขายที่กรุงเทพฯอีกแล้ว แม้ว่าในตอนนี้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลงแล้วก็ตาม ตนคิดว่าขายที่บ้านตัวเองดีกว่า ช่วงว่างๆบางวันก็ยังได้ไปทำไร่ทำนาอีกด้วย.

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว ชูชัย ดำรงสันติสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จับจริง! นายอำเภอแจ้งความ "คนเผาอ้อย" พื้นที่อุดรธานี เป็นทะเลเพลิง หลังมีคลิปว่อนโซเซียล
ตร.บุกค้นโรงงานทุนจีน ลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ยึดของกลางกว่า 11.5 ตัน
หญิงเซลฟี่เผาไร่อ้อย เข้ามอบตัวแล้ว โดนแจ้งข้อหาหนัก อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เตือนเพื่อนเกษตรกรอย่าหาทำ
เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธนำวิถีเชิงยุทธศาสตร์
สมัครทหารออนไลน์ "เชียงราย" ผลตอบรับดี "รอง มทภ.3" ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ
หุ่นยนต์สุนัขโชว์ ‘เชิดสิงโต’ ในเซินเจิ้นของจีน
คนจีนหลายล้านคนเดินทางกลับบ้านฉลองตรุษจีน
ฮามาสปล่อยตัวประกันกาซาชุดที่สอง
"ดร.ธรณ์" ติงแรงมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่ชัดเจน รู้ล่วงหน้าแต่ไม่ทำอะไรเลย
ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิด ๒ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ชาวไทยเชื้อสายจีนรวมพลังถวายความภักดี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น