7 เม.ย.2566 ที่เวทีปราศรัยพรรครวมไทยสร้างชาติ ณ ลานอัฒจันทร์กลางแจ้งสวนเบญจกิติ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้ขึ้นปราศรัยว่า ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ วันนี้ดูแต่ละพรรคการเมืองหาเสียงเรื่องเศรษฐกิจ มีแต่แจก แจก แจก จนเจ๊ง แจกจนเราต้องมาแก้ไขปัญหาในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็มาจากการแจกจนเจ๊ง ขณะนี้ไม่มีพรรคไหนที่จะมีแก่นสารเรื่องการหารายได้ เราเป็นพรรคเดียวที่หาเสียงในวันนี้ว่าเราพร้อมที่จะหารายได้ให้กับประเทศไทย 4 ล้านล้านบาท ทุกคนมีแต่จะใช้ จะเอาที่ไหน สร้างหนี้สินให้ลูกหลาน จำนองอนาคตประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน หรืองบประเทศชาติ
ทุกพรรคถามว่า 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยทำอะไรแล้วได้อะไรบ้าง ก่อนที่จะตอบตนขอบอกว่า วันที่เรารับประเทศไทยมา ประเทศไทยเสียอะไรไปบ้าง วันที่เรารับประเทศไทยมาหนี้ครัวเรือนประเทศไทยสูง เราเป็นพรรคที่แก้ไขเยียวยาหนี้ครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่ติดหนี้การศึกษากยศ.6.8 ล้านคน เราก็แก้แล้ว เลิกค้ำประกัน 2.8 ล้านคน พี่น้องที่เจอเจ้าหนี้ขูดรีด เราก็กำหนดเพดานดอกเบี้ยไม่ให้เจ้าหนี้มาขูดรีดพี่น้องประชาชนเกินควร และไม่ยึดทรัพย์สินของประชาชน เรารู้ว่าพี่น้องประชาชนจะฟื้นต้องทำมาหากิน ไม่ใช่แจก
ทุกคนด้อยค่าประเทศไทย ประเทศไทยแพ้เวียดนาม แพ้อินโดนิเซีย แต่ข้อเท็จจริงเราไม่แพ้ และวันนี้เรายังแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนแล้ว ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีการลงทุนลำดับต้นๆของอาเซียนมาเป็น 30-40 ปีแล้ว แต่ที่เราประสบปัญหาคือ เราไม่ได้ลงทุนทำเรื่องใหม่ๆ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเก่า แต่รัฐบาลนี้ได้ลงทุน 3 ล้านล้านบาทในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน ถามว่าตรงนี้เราได้อะไร การติดต่อสื่อสาร ขนส่งสินค้าก็จะถูกลง ลดต้นทุนธุรกิจ และต้นทุนของคนตัวเล็ก ทุกคนบอกว่าเราเป็นประเทศที่ล้าหลัง ต้องใช้เงินดิจิทัล เราใช้มานานแล้ว ระหว่างโควิดเราใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง 15 ล้านคน วันนี้เราพกโทรศัพท์มือถือมากกว่ากระเป๋าตัง แล้วเราไม่ใช่ดิจิทัลได้อย่างไร ฉะนั้นโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง รางรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ เราพร้อม มีมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า ฉะนั้นความพร้อมของเราทั้งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ดี จะทำให้เราก้าวกระโดด