เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 สิงหาคม 2564 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ,พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี , พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิ์ลี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี,พ.ต.ต.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันจับกุมตัว นายสุวิทย์ บุณณะสิทธิ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 9 บ้านหนองหลอด ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยกล่าวหา “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธปืน บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
พร้อมของกลาง ปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ มาราคอฟ ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก แท๊ปเล็ต 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กระเป๋าเงิน 3 ใบ เงินสด 1,665 บาท จักรยานยนต์ GPX รุ่น DEMON 200 R สีแดง หมายเลขทะเบียน กญ 1253 อุตรดิตถ์ จักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงินเทา หมายเลขทะเบียน 2กฆ 5211 อุดรธานี โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 216 หมู่ 5 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 03.50 น. วันที่ 12 สิงหาคม 2564 นายสุวิทย์ ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุ งัดบ้านนายภูษิต ภูกิจนาเจริญ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 216 หมู่ 5 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ขณะนอนอยู่ในบ้าน ด้วยความกลัวจึงวิ่งหลบหนีออกจากบ้าน ไปเรียกให้ชาวบ้านมาช่วย เมื่อกลับมาพบคนร้ายหลบหนีไปแล้ว เมื่อตรวจทรัพย์สินพบว่าโทรศัพท์มือถือ OPPO รุ่น A92 และ แท๊ปเล็ต HUAWEI รุ่น Media Pad T5 หายไปด้วย
ในช่วงสายวันเดียวกัน นายภูษิต วางแผนให้ภรรยาโทรเข้ามือถือที่นายสุวิทย์เอาไป ทำทีสั่งสินค้า ซึ่งนายสุวิทย์ บอกว่าจะนำโทรศัพท์มาคืนเจ้าของ และได้ขี่รถจักรยานยนต์ GPX รุ่น DEMON 200 R สีแดง หมายเลขทะเบียน กญ 1253 อุตรดิตถ์ นำโทรศัพท์และแท็ปเล็ตมาคืน จึงถูกนายภูษิตพูดเกลี่ยกล่อมให้นายสุวิทย์มอบตัว เพราะทุกคนมีปัญหาแต่ทุกปัญหามีทางออก ทำให้สุวิทย์ร้องไห้และยอมมอบตัว ก่อนที่ตำรวจได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาโรงพักทำการสอบสวน แล้วควบคุมตัวนายสุวิทย์ ผู้ต้องหา ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์นางกรุณี อินทรวิเศษ อาย 63 ปี จุดที่สอง ลักทรัพย์บ้านนายภูษิต ก่อนนำทรัพย์สินมาคืน และโดนเกลี่ยกล่อมให้มอบตัว จุดที่ 3 ทำแผนจี้ชิงรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ นายพันธ์วรชัย ปานสุคนธ์ อายุ 27 ปี และจำลองจุดจี้ชิงทรัพย์ผู้หญิงที่ ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยจะเสพยาบ้า 1-2 เม็ดก่อนก่อเหตุทุกครั้งเพราะนอนไม่หลับ เสร็จแล้วควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
พล.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยต่อว่า จากการสอบสวนนายสุวิทย์ ให้การรับสารภาพว่า เคยบวชเรียน 5 ปี สอบได้นักธรรมตรี และได้สึกออกไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ แต่ต้องตกงานหลังจากโควิด-19 ระบาดรอบแรก ตนกลับมาอยู่บ้าน ไม่มีงานทำ ลูกกำลังเรียน ม.1 จึงตัดสินใจก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยวันที่ 10 สิงหาคม 2564 นายสุวิทย์ได้ยืมรถจักรยานยนต์ญาติ และพกปืนที่ซื้อมาออกไปชิงทรัพย์ โดยลงมือครั้งแรกชิงทรัพย์ ที่บ้านดงยวด ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี ครั้งที่ 2 ที่บ้านเทื่อม ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ครั้งที่ 3 ชิงทรัพย์ที่เขต ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และครั้งที่ 4 ยิงปืนพยายามชิงทรัพย์หญิงสาว ใน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย วันเดียวติดต่อกันทรัพย์สินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายในครอบครัวและซื้อยาบ้ามาเสพ วันละ 1-2 เม็ด ซึ่งแต่ละครั้งก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงขู่ผู้เสียหาย
โดยวันที่ 12 สิงหาคม หลังเสพยาบ้า นายสุวิทย์ได้พกปืนขี่รถจักรยานยนต์ออกมาก่อเหตุ ชิงทรัพย์ 3 ครั้ง ครั้งแรก เวลา 03.30 น. จี้ชิงทรัพย์นางกรุณี อินทรวิเศษ อาย 63 ปี กลับมาจากซื้อของที่ตลาดสด และกำลังยืนเติมเงินมือถือที่ตู้เติมเงิน ใกล้บ้าน ในหมู่บ้านกลิ้งคำ หมู่ 10 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี และบังคับเข้าไปค้นทรัพย์สินในบ้านได้เงิน 1,665 บาท หลบหนีไป เวลา 03.50 น. ก่อเหตุงัดบ้านลักทรัพย์นายภูษิต ภูกิจนาเจริญ อายุ 50 ปี ภายในบ้านเลขที่ 216 หมู่ 5 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้มือถือและแท๊ปเล็ต
ต่อมาเวลา 04.20 น.ขณะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ถึงบ้านหนองตูม ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี รถจักรยานยนต์เกิดเสียจึงจอดซ่อม ต่อมามีนายพันธ์วรชัย ปานสุคนธ์ อายุ 27 ปี ขับจักรยานยนต์ GPX รุ่น DEMON 200 R สีแดง หมายเลขทะเบียน กญ 1253 อุตรดิตถ์ มาพบและเข้าช่วยเหลือ แต่นายสุวิทย์กลับใช้ปืนทุบและจี้ชิงรถจักรยานยนต์พลเมืองดีหลบหนีไป โดยทิ้งรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีนำเงินเทา ที่ยืมของญาติไว้ ต่อมามีผู้หญิงโทรเข้ามือถือที่ลักมาจากบ้านนายภูษิต จึงอยากทำความดีในวันแม่ ได้นำมือถือและแท็ปเล็ตไปคืนผู้เสียหาย และถูกจับ
พล.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยต่ออีกว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุเพียง 7 ครั้ง แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะผู้ต้องหารับสารภาพว่าเสพยาบ้ามา 2 ปีแล้ว และทุกครั้งจะเสพยาบ้าก่อน 1-2 เม็ด จนหลอน ก่อนออกไปก่อเหตุเพราะนอนไม่หลับ และบางครั้งจะอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ขี่จักรยานยนต์ สะพายเป้สีน้ำตาล มีอาวุธปืน ก่อเหตุชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ ก่อนลงมือชิงทรัพย์ อ้างเป็นตำรวจ หากประชาชนท่านใดเคยถูกนายสุวิทย์จี้ชิงทรัพย์ ให้แจ้งดำเนินคดีในท้องที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดี.
ภาพ/ข่าว กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.อุดรธานี