แคลิฟอร์เนียโล่งอก พ้นภัยแล้งแล้วปีนี้ หลังพายุฝนในฤดูหนาว ทำให้มีปริมาณน้ำฝนมากเป็นประวัติการณ์ เติมเต็มแหล่งน้ำที่เคยแห้งขอดจากภัยแล้งยืดเยื้อ
หลังจากที่แคลิฟอร์เนียและภูมิภาคทางตะวันตกของสหรัฐ ประสบกับปัญหาอภิมหาภัยแล้งที่ยาวนาน ด้วยฝนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหลายปี จนทำให้ประชากรที่อาศัยในเขตนี้กว่า 40 ล้านคน อยู่ภายใต้คำเตือนให้ประหยัดน้ำ อีกทั้งเกิดไฟป่า และแหล่งน้ำที่แห้งขอดเผยให้เห็นฝุ่นและหินที่ก้นแม่น้ำ รวมถึงซากเรือที่จม ล่าสุดจากพายุฝนในฤดูหนาวที่มากผิดปกติในช่วงปลายปีที่แล้วและต้นปีนี้ ทำให้อ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่างๆ กลับมามีน้ำเต็มอีกครั้ง
สถิติอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานเฝ้าระวังภัยแล้งสหรัฐ (US Drought Monitor) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 เมษายน แสดงให้เห็นว่าประมาณ 2 ใน 3 ของรัฐแคลิฟอร์เนียพ้นจากภัยแล้งโดยสิ้นเชิง และมีน้อยกว่าร้อยละ 10 ที่ยังคงประสบภัยแล้ง เทียบกับปีที่แล้ว ที่ทั้งรัฐถูกประกาศว่าประสบภัยแล้ง
กรมทรัพยากรน้ำของรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่กำลังใกล้ล้นความจุเฉลี่ย โดยทะเลสาบ โอโรวิลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำที่สำคัญที่สุดของรัฐ ขณะนี้มีปริมาณน้ำร้อยละ 88 คิดเป็นปริมาณน้ำเกือบสองเท่าของปริมาณน้ำเมื่อปีที่แล้ว
ฤดูหนาวที่มีฝนตกชุกไม่ใช่เรื่องใหม่ในแคลิฟอร์เนีย แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ กำลังทำให้เกิดปรากฏการปะทะกันของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น ทำให้เราได้เห็นช่วงที่ร้อนจัดและแห้งแล้ง ตามมาด้วยฝนตกหนัก
ส่วนผู้จัดการด้านน้ำเตือนว่า ชาวแคลิฟอร์เนียต้องไม่อยู่ในความไม่ประมาท และไม่สามารถใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งพวกเขาอาจเผชิญกับความแห้งแล้งอีกในอนาคต