ถ้าจะถามว่าพรรคการเมืองไหนมาแรงที่สุดในช่วง 20 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งประวัติศาสตร์ 14 พ.ค.2566 ก็ต้องบอกว่าชั่วโมงนี้พรรคก้าวไกลหรืออดีตพรรคอนาคตใหม่เดิม น่าจะเป็นพรรคการเมืองที่มาแรงที่สุด ไม่ว่าโพลไหนสำนักใดสำรวจล่าสุดก็บอกว่าพรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคมาแรงอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทยคอกทักษิณ ขณะที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็แรงขึ้นมาในตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯที่คนไทยอยากเห็นเป็นผู้นำประเทศ เรียกว่าไล่จี้ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แคนดิเดตนายกฯของคอกแม้วแบบหายใจรดต้นคอ เหนือกว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ
อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าพรรคก้าวไกลนอกจากแกนนำพรรคที่เดินสายหาเสียงแล้ว ยังมีแกนนำคณะก้าวหน้าอย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ ปิยะบุตร แสงกนกกุล เป็นผู้ช่วยหาเสียงคอยช่วยเหลือพรรคเคาะประตูชาวบ้าน ขึ้นรถแห่ พูดบนเวทีปราศรัย ที่สำคัญพรรคก้าวไกลยังเก่งเรื่องการสื่อสารในโลกออนไลน์โลกโซเชี่ยล เชี่ยวชาญการเผยแพร่ของมูลในกลุ่ม “นิวส์มีเดีย” ตรงนี้จึงทำให้ข้อมูลด้านบวกของพรรค การประชาสัมพันธ์นโยบายบวกผลงาน การเผยแพร่ข้อมูลผู้สมัครของพรรคสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ฯลฯ ได้อย่างไม่ยาก อย่าได้แปลกใจที่ในแอพพลิเคชั่นดังๆ อาทิ เฟซบุ๊ค ติ๊กต๊อก ไลน์ อินสตาแกรม ฯลฯ ล้วนมีแต่ข้อมูลเรื่องราวของแกนนำพรรคก้าวไกลเต็มไปหมด ประวัติ ชีวิต การเรียน ความสามารถพิเศษ ผลงาน สารพัดจิปาถะ จริงบ้างมั่วบ้างยกเมฆบ้างเต็มพรืดไปหมด การรู้จักใช้สื่อใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงๆ จึงทำให้พรรคก้าวไกลได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจากคนรุ่นใหม่และในหมู่นักเรียน นักศึกษา
ย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงทั้งประเทศมาทั้งสิ้น 6,330,617 คะแนน แบ่งเป็นส.ส.เขต 31 คน ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 9 คน ภาคกลาง 15 คน ภาคอีสาน 1 คน ภาคเหนือ 6 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คน รวมกันได้ส.ส.ทั้งสิ้น 81 คน จาก 500 คน คิดเป็น 17.80 % ถือเป็นพรรคอันดับ 3 ในการเลือกตั้งคราวที่แล้วรองจาก พรรคเพื่อไทย 136 คน พรรคพลังประชารัฐ 116 คน อย่างไรก็ตามความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ในอดีต ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งมาจากการเป็นพรรคใหม่ กระแสดี มีแกนนำพรรคเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนมาสนใจได้มาก อาทิ ทอน บูด พิธา ช่อ โรม วิโรจน์ ไอติม ฯลฯ ประกอบกับการชูนโยบายหาเสียงแบบสุดโต่งแบบที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองกล้าทำมาก่อน อาทิ ปฏิรูปสถาบัน ลดขนาดกองทัพ เลิกเกฎฑ์ทหาร ปฏิรูปการศึกษา ระบบราชการ ฯลฯ ตรงนี้เลยทำให้ได้คะแนนจากพวกหัวก้าวหน้า คนรุ่นใหม่ไปมาก
อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเลือกตั้งคราวที่แล้วเป็นกอบเป็นกำก็เพราะว่า “โชคดี” มีตัวช่วยหลายชั้น ประการแรกที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้ส.ส.มาเยอะในการเลือกตั้งคราวที่แล้วเนื่องจากรูปแบบการเลือกตั้งที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ทั้งส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ แถมส.ส.เขตมีจำนวนแค่ 350 คน แต่มีส.ส.ปาร์ตี้บลิสต์ถึง 150 คน ประการที่สองการคิดคำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็ใช้รูปแบบจัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.พึงมี ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ ตรงนี้แหละที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำ เพราะพรรคเพื่อไทยถูกเพาดานส.ส.พึงมีขึงไว้ไม่ให้ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนของพรรคเพื่อไทยก็เลยมาบานตรงพรรคอนาคตใหม่ จนทำให้ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไปถึง 50 คนทั้งๆที่เพิ่งตั้งพรรคใหม่ขึ้นไม่นาน ประการต่อมากรณีที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่เป็นพรรคลูกพรรคแบงค์สิบแบงค์ร้อยของพรรคเพื่อไทยถูกยุบ เพราะเหตุดึงฟ้าต่ำไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หลังเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นผู้สมัครของพรรค ตรงนี้เลยทำให้ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคคะแนนจากที่เคยจะเป็นของพรรคไทยรักษาชาติก็ไหลไปอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ หนำซ้ำพรรคยานแม่อย่างพรรคเพื่อไทยยังส่งส.ส.เขตลงแค่ 200 เขตเท่านั้น ที่เหลืออีก 150 เขต เปิดทางให้พรรคไทยรักษาชาติ แต่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองโดนยุบพรรคเสียก่อน ตรงนี้เลยทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนส้มหล่นมาเป็นกระบุงโกย
แต่กับการเลือกตั้งเที่ยวนี้พรรคก้าวไกลคงไม่ง่ายเหมือนเก่า แม้กระแสในโซเชี่ยลจะแรงแต่รอบนี้คงไม่ยกทีมส.ส.เข้าสภาได้ง่ายๆแน่ เรื่องแรกรูปแบบการเลือกตั้งส.ส.เปลี่ยนไป กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ใช้สูตรหาร 100 ในการคิดคำนวนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคใหญ่พรรคเก่าแก่ได้เปรียบพรรคเล็กพรรคใหม่เสียเปรียบ เรื่องที่สองคู่แข่งในสนามมีเยอะขั้วเดียวกันนอกจากพรรคเพื่อไทยคอกแม้วแล้ว ยังมีพรรคไทยสร้างไทยของเจ๊หน่อยอีก ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามพรรคร่วมรัฐบาล 4 พรรคจตรุเทพก็แข็งแกร่งสุดๆ “ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์-รวมไทยสร้างชาติ” อยากที่พรรคก้าวไกลจะชนะการเลือกตั้งได้ง่ายๆ ส.ส.เขตก็สู้กันหนัก ส.ส.บัญชีรายชื่อแทบไม่ต้องพูดถึง ถ้าเงินไม่หนาไม่สู้จริง หวังแต่กระแสอย่างเดียวก็จอด พรรคก้าวไกลอาจจะลุกเป็นไฟในโซเชี่ยลอาจเป็นที่นิยมของวัยรุ่นอาจถูกใจคนเมือง แต่ในต่างจังหวัดในพื้นที่ห่างไกลในพื้นที่อื่นๆที่ไม่ใช่เมืองหลัก ต้องบอกว่าเหนื่อยหนักจริงๆ กับพรรคล้มเจ้าพรรคชังชาติพรรคดูถูกสถาบันพรรคไม่เอาทหารพรรคเกลียดกองทัพ ตอนนี้ก็กลายสภาพเป็นพรรคหมาหัวเน่า ไม่มีใครเอาไม่มีใครอยากดึงไปร่วมรัฐบาล เพราะแซะเขาไปทั่วหาเรื่องไม่ดูตาม้าตาเรือ ชี้หน้าด่าคนอื่นหมดแต่ไม่เคยดูกำพรืดไม่เคยดูเงาตัวเองว่าได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์โพดผลให้กับประเทศชาติบ้านเมืองบ้าง โพลล่าสุดของซุปเปอร์โพลให้พรรคส้มล้มเจ้าได้ส.ส.แค่ 22 คน เขต 10 คน บัญชีรายชื่อ 12 คน ขณะที่โพลตำรวจสันติบาลล่าสุด กทม.33 เขต พรรคส้มล้มเจ้าไม่ได้ผู้แทนแม้แต่คนเดียว แต่แกนนำพรรคล้มเจ้ายังมั่นใจได้เกิน 100 บางคนฝันหวานถึงร้อยกว่า เมากัญชาหรือเมาแดดหรือป่าว โลกกว้างทางแคบจริงๆ สำหรับพรรคเนรคุณชาติ เนรคุณแผ่นดิน เนรคุณสถาบัน อาจจะอบอุ่นในโลกโซเชี่ยล แต่มั่นใจได้เลยว่าโดดเดี่ยวในโลกแห่งความจริง 14 พ.ค.2566 นี้คงได้รู้พรรคส้มล้มเจ้าจะมีที่ยืนมากน้อยแค่ไหนในสนามการเมืองไทย
/////////////////////