จากกรณีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 รายการ แฉ ทาง GMM25 ได้สัมภาษณ์ผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงของพรรคการเมืองหลายพรรค 2 ในนั้น คือ พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และวรงค์ เดชกิจวิกรม หรือ หมอวรงค์ หัวหน้าพรรคไทยภักดี ซึ่งช่วงหนึ่ง หมอวรงค์ยกข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินคดีเยาวชนด้วย ม.112 หรือข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ เพื่อแสดงให้เห็นพฤติกรรมการหมิ่นประมาท
จากนั้น ช่อ พรรณิการ์ นำภาพข้อมูลดังกล่าวของหมอวรงค์มาแย้ง เริ่มจากภาพที่กลุ่มทะลุวัง ทำกิจกรรมสำรวจความเห็นประชาชน ‘ต้องการจ่ายภาษีเลี้ยงราชวงศ์หรือไม่’ โดยช่อ พรรณิการ์ อธิบายว่านี่เป็นการทำโพลเพื่อแสดงความคิดเห็น เป็นการตั้งคำถามถึงการจ่าวภาษีของประชาชน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ต่อกรณีที่หมอวรงค์บอกว่าพระมหากษัตริย์ไม่รับเงินปีนั้น ต้องยืนยันว่า งบประมาณเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ในความเป็นจริงนั้นเรายืนยันว่าไม่เข้า ม.112 เพราะงบประมาณส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสถาบันกษัตริย์เลย เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จัดสรรให้กับหน่วยรับงบประมาณต่าง ๆ ซึ่งมีการแยกออกมาแล้ว และสามารถไปดูได้ในเว็บไซต์ข่าวว่างบประมาณส่วนนี้ปีหนึ่งเกือบ 40,000 ล้านบาท หมายความว่าการตั้งคำถามเรื่องการใช้เงินภาษีของประชาชนตรงนี้ย่อมเป็นสิทธิที่ประชาชนคนไทยสามารถทำได้ เหมือนเราตั้งคำถามเรื่องเหตุผลการใช้งบประมาณซื้อรถถัง เรือดำน้ำ กรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ แต่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล
ขณะที่หมอวรงค์ ได้แย้งว่า เป็นการมุสาหลายประเด็น โดยพระบรมราชโองการปกติแล้วมี 2 รูปแบบ แบบหนึ่งคือแบบที่เป็นทางการที่นายกฯหรือรัฐมนตรีเป็นคนลงนาม เนื่องจาก ม.6 ของรัฐธรรมนูญถือว่าพระมหากษัตริย์ได้รับการคุ้มครองไว้ ดังนั้นถ้าเป็นทางการจะต้องมีนายกฯ หรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นคนลงนาม แต่ถ้าเป็นพระบรมราชโองการที่เป็นกิจกรรมส่วนพระองค์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นในเชิงสาธารณะ ช่วยเหลือประชาชนพระองค์ก็สามารถดูแลและช่วยเหลือประชาชนได้ก็จะมีพระบรมราชโองการที่ไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ทำให้มีคอมเมนต์จำนวนมาก เห็นด้วยกับหมอวรงค์ โดยระบุว่า มีสองแบบตามที่หมอพูดจริง ๆ
1.พระราชองค์ การส่วนพระองค์ เช่น ช่วยน้ำท่วม ช่วยโควิด ช่วย ขุนน้ำนางนอน หรือ ช่วยชาวบ้านพระราชทาน บ้าน ซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น
2. ถ้าเป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง จะมีผู้สนองรับราชองค์การ เช่น เปิดประชุมสภา ปิดสมัยประชุมสภา ถอดถอนตำแหน่ง และ แต่ตั้ง นายก เป็นต้น
ความเห็นส่วนตัวนะคะ คิดว่าช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
เป็นการนำเรื่องเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์มาพูดเกือบทุกเวที อยากรู้ว่าพิธีกรเองต้องการอะไร
หรือรู้กันกับทางฝ่ายโน้น ถือโอกาสพูดแบบเต็มที่ ยิ่งเป็นการพูดกันแบบเสรีเลยค่ะ
รู้กันอยู่ว่ารายการนี้พิธีกรคนนี้ คนที่เสียงไม่ชวนฟังก็รู้ว่าอยู่ฝ่ายไหน
ยอดเยี่ยมเสมอ ๆ คุณหมอวรงค์ ข้อมูลแน่น ชัดเจน แม้ต้องอยู่ในวงล้อม 3 กีบ ใช้เหตุผลโต้ หนักแน่น ได้ใจ ได้บรรยากาศ ชื่นชมอย่างยิ่ง และเป็นกำลังใจให้เสมอ ๆ นะครับ
เห็นหน้า นางช่อแล้วหมั่นไส้มาก หน้าตาดูหยิ่งผยอง อวดรู้สุด ๆ คุณหมอท่านมีความอดทนและออ่นน้อมสมเป็นที่พึ่งอะไรไม่รู้ก็ได้รู้.กราบขอบพระคุณนะค่ะ
คุณหมอกล้าหาญ อดทน มากต่อพวก….พิธีกรก็…ตัดบทไม่ให้คุณหมอพูดให้จบกลายครั้งนี่หรือ ความเท่าเทียม….