วันที่16 ส.ค. 2564 ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ครั้งที่ 12/2564 ผ่านระบบจอภาพทางไกลหรือ Video Conference ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าที่ประชุมศบค. ได้กำหนดมาตรการในพื้นที่ต่างๆ โดยในพื้นที่สีแดงเข้ม ให้เลี่ยงจำกัดหรืองดเว้นการเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น ห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 21 ถึง 04.00 น. งดการให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด การตั้งด่านสกัดระหว่างเขตจังหวัดตามมาตรการที่กำหนด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน ห้ามบริโภคภายในร้านอาหารขายได้แบบนำไปบริโภคที่อื่นและเปิดให้บริการไม่เกิน 20.00 น. พร้อมกับงดการจำหน่ายและงดดื่มสุราภายในร้าน
ขณะที่ห้างสรรพสินค้าเปิดได้เฉพาะร้านอาหารเครื่องดื่ม โดยใช้บริการผ่านเดลิเวอรี่เซอร์วิสเท่านั้น อนุญาตให้เปิดร้านขายยาเวชภัณฑ์ซุปเปอร์มาร์เก็ต ธนาคารสถาบันการเงิน โดยเปิดไม่เกินเวลา 20.00 น. ปิดสถาบันเสริมความงาม ห้ามใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และปิดสถานที่แข่งขันกีฬาทุกประเภท
ขณะที่พื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้ตั้งจุดตรวจด่านตรวจหรือจุดสกัดเพื่อคัดกรองการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคนมากกว่า 20 คน อนุญาตให้สามารถขายอาหารได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. แต่งดจำหน่ายสุราและงดดื่มสุราภายในร้าน ขณะที่ห้างสรรพสินค้าให้เปิดบริการได้ตามปกติจำกัดจำนวนคนและงดกิจกรรมการส่งเสริมการขาย สถาบันเสริมความงามให้เปิดบริการได้ตามปกติตามมาตรการที่ราชการกำหนด ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนของคนจำนวนมากโดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ขณะที่สนามกีฬาเปิดบริการได้ทุกประเภทไม่เกิน 21.00 น. การจัดการแข่งขันได้แต่ต้องจำกัดจำนวนผู้ชม
ส่วนพื้นที่สีส้มหรือพื้นที่ควบคุมไม่มีการจำกัดการเดินทางแต่อย่างใด /แต่ห้ามจัดกิจกรรมการรวมกลุ่มคนมากกว่า 50 คน สามารถบริโภคในร้านอาหารได้ตามปกติ เว้นการจำหน่ายและดื่มสุราภายในร้าน ด้านห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามเวลาปกติ แต่ปิดในส่วนเครื่องเกมสวนสนุก ขณะที่สถาบันเสริมความงามเปิดบริการได้ตามปกติตามมาตรการที่ราชการกำหนด
ส่วนการเรียนการสอนให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติภายใต้มาตรการการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด ส่วนการแข่งขันหรือสนามกีฬาสามารถเปิดบริการได้ตามเวลาปกติทุกประเภท และจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
โดยให้มีผลจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 นี้
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลง ถายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า ในที่ประชุมศบค.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานการประเมินผลการดำเนินการและการคาดการณ์ การจะดำเนินการต่อไปจะต้องดูในสิ่งที่ดำเนินการมาและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่าเราได้มีการล็อกดาวน์เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการนำแบบจำลองมานำเสนอโดยเป็นการคาดการณ์ถึงเดือนธ.ค.2564 ว่า หากไม่มีมาตรการใดใดจะคิดว่าตัวเลขจะสูงขึ้นถึง 6-7 หมื่นรายในเดือนก.ย. แต่หากมีมาตรการล็อคดาวน์ ให้ทำงานอยู่ที่บ้าน ( Work From Home) ปิดสถานที่เสี่ยง จะสามารถลดการแพร่ระบาดได้ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามาตรการดังกล่าวเข้มไปได้อีก 25 เปอร์เซ็นต์จะสามารถกดตัวเลขลงไปได้ในช่วงปลายเดือนก.ย.แต่ขณะเดียวกันในเดือนต.ค.หากมีการระบาดเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นไปได้ ส่วนในเรื่องการเสียชีวิตจะเห็นภาพเกิดการเสียชีวิตที่คล้ายกัน โดยตัวเลขจะไม่สูงมาก โดยเป็นการคาดการณ์ว่าหากเพิ่มมาตรการควบคุมต่าง ๆ จะสามารถควบคุมโรคได้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบ ตัวอย่างมาตรการการจำกัดพฤติกรรมเดินทางของกรุงเทพฯ และชลบุรี พบว่ามีในช่วงเดือนส.ค.เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีการล็อกดาวน์จะเห็นว่าได้รับความร่วมมือกับประชาชนในการลดการเดินทาง ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบ ข้อเสนอกระทรวงสาธารณสุขให้คงระดับพื้นที่ในสถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรและตามมาตรการเดิมตั้งแต่วันที่ 18-31 ส.ค. และเพิ่มมาตรการค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATKในกรุงเทพฯและปริมณฑล และแยกผู้ป่วยออกจากคนปกติโดยเร็ว รวมถึงเน้นองค์กร ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด Work From Home ต่อเนื่องทั้งพนักงานของภาครัฐและภาคเอกชนที่จำเป็นต้องมาปฏิบัติงานให้มีการคัดกรองด้วย ATKทุกสัปดาห์เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการคลายล็อกดาวน์ บริษัทห้างร้านต่างๆจะต้องเตรียมสถานที่แยกกักสำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คนและเตรียมความพร้อมของพนักงาน บุคลากรในการติดตามและคัดกรองด้วย ATK
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการควบคุมเฉพาะสถานที่โรงงานและตลาดอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมขึ้นมา ส่วนโรงงานดูแลกลุ่มที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน โดยมาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) เต็มรูปแบบ ขณะที่ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ จะต้องสุ่มตรวจผู้ค้าด้วยชุดตรวต ATK ทุกสัปดาห์และสุ่มตรวจผู้ที่ใช้บริการเป็นระยะ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เพื่อลดการเสียชีวิตจะมีมาตรการเร่งฉีดวัคซีน ให้ครอบคลุมวัคซีนกลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และคนตั้งครรภ์ อย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ในกรุงเทพฯ และ 70 เปอร์เซ็นต์ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่อื่น รวมถึงเพิ่มอัตราการหมุนเวียนการรับผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง เพื่อลดผู้ป่วยที่รอคอยและอาการหนักในโรงพยาบาลไม่ให้ตกค้างในชุมชน และเร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยสีเขียว นอกจากนี้ การเพิ่มมาตรการและการจัดการขององค์กร สถานประกอบการสามารถตรวจหาเชื้อ โควิด-19 ด้วยตัวเองได้โดยรัฐควรสนับสนุนให้มีการใช้โดยไม่เป็นภาระประชาชน เช่น จำหน่ายในราคาถูก และจัดหาได้ง่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเดิมที่มีอยู่ต่อไป รวมทั้งพิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass ซึ่งเป็นเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ เช่น การเดินทางไปร้านอาหารในห้องแอร์ สามารถเปิดบริการได้ สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ซึ่งในหลายประเทศได้มีการทำแล้ว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนการปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็น กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้เปิดกิจการธนาคารและสถาบันการเงิน ในห้างสรรพสินค้าไม่เกินเวลา 20.00 น.โดยมีมาตรการอย่างเคร่งครัด 26 ข้อตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยจัดทำไว้ ทั้งนี้ ในส่วนมาตรการอื่น ๆ ยังคงเดิมตามที่เคยกำหนดเมื่อครั้งที่แล้ว เช่น การออกนอกเคหสถาน การห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร เป็นต้น ส่วนเรื่องของการเปิดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในที่ประชุม ศบค.รับฟัง แต่กระทรวงสาธารณสุขมองว่า ยังมีทางเลือกอื่น เช่น การสั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ยังสามารถที่จะใช้ทดแทนกันได้ อย่างไรก็ตาม มาตรการครั้งต่อไปอาจจะมีการพิจารณาเข้ามาอีกรอบ หากมีความจำเป็น