เจ้าหน้าที่ตำรวจเซอร์เบียรายงานว่า ที่เมืองมลาเดโนวัซ ห่างจากเมืองหลวงเบลเกรดไปทางใต้ 60 กิโลเมตร ได้เกิดเหตุ มือปืนวัย 21 ปี ก่อเหตุกราดยิงหลายครั้ง จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บ 14 ราย ด้านสถานีโทรทัศน์ RTS ของเซอร์เบียก็รายงานว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากมีการทะเลาะวิวาทกันในสนามของโรงเรียน ต่อมาผู้ต้องสงสัยได้มีการกลับมาพร้อมกับปืนพกและปืนไรเฟิล ก่อนที่จะเปิดฉากกราดยิงผู้คนจากรถที่กำลังแล่นอยู่ จากนั้นผู้ต้องสงสัย ยังไปกราดยิงที่หมู่บ้านใกล้เคียงอีก 2 แห่งด้วย ก่อนจะหลบหนีไป
อย่างไรก็ดี หลังจากที่มีการตามล่าตลอดทั้งคืน ล่าสุด ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้แล้ว โดยเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านของปู่ตัวเอง ซึ่งภายในบ้าน ตำรวจยังพบระเบิดมือ, ปืนไรเฟิล, และกระสุนอีกด้วย ตำรวจจึงทำการจับกุมตัวลุงและปู่ของผู้ต้องสงสัยเช่นกัน ทั้งนี้ เหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้ เป็นการเกิดขึ้นซ้ำครั้งที่ 2 ภายในไม่ถึง 2 วัน โดยครั้งแรกนั้น เป็นการก่อเหตุโดยเด็กชายวัย 13 ปี ด้วยอาวุธปืนที่ถูกกฎหมาย ที่ขโมยจากพ่อมา
การที่เกิดเหตุการณ์กราดยิง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิช แห่งเซอร์เบีย ต้องออกมากล่าวปราศรัยกับคนทั้งประเทศอย่างรวดเร็ว พร้อมประกาศแผนการรับมือกับเหตุการณ์ที่คล้ายกัน หากเกิดขึ้นในอนาคต โดยวูซิชได้กล่าวว่า พลเมืองเซอร์เบียมีปืนพกอย่างถูกกฎหมายประมาณ 4 แสนกระบอก และเป้าหมายของรัฐบาลคือลดจำนวนดังกล่าวให้เหลือระหว่าง 3-4 หมื่นกระบอก นอกจากนี้ ก็ยังจะมีมาตรการอื่นๆออกมาด้วย เช่นการจ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มอีก 1,200 นาย เพื่อประจำการอย่างถาวรในโรงเรียนทุกแห่งในเซอร์เบีย, รวมถึงการเพิ่มโทษจำคุก สำหรับการละเมิดกฎหมายอาวุธปืน
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นบางรายกล่าวว่า ปัญหานั้นลึกกว่าแค่การครอบครองปืน แต่สื่อของเซอร์เบีย หรือแม้แต่นักการเมืองบางคน ควรเป็นผู้รับผิดชอบ ที่แนะนำให้พฤติกรรมรุนแรง เป็นที่ยอมรับได้ในสังคม ทั้งนี้ การถอดปืนที่ถูกกฎหมายออกจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะหากมีใครต้องการจะก่ออาชญากรรม พวกเขาก็สามารถหาปืนกันได้ในตลาดมืด สิ่งที่ประเทศต้องการคือ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างแท้จริง