สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันศุกร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้นำเสนอข้อมูลลงลึกเพื่อพิสูจน์ว่าที่ดินบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ยื่นคำให้การต่อศาลฎีกาว่าจะเสียสละให้เป็นสวนสาธารณะ โดยได้เปิดเป็น “สวนชูวิทย์” ให้คนกรุงเทพฯ เข้าไปใช้ประโยชน์ได้ จนเป็นเหตุบรรเทาโทษใน “คดีรื้อบาร์เบียร์” นั้น น่าจะเป็นที่ดินสาธารณะไปแล้ว แต่วันนี้บริษัทของครอบครัวนายชูวิทย์ได้มีการปิดเพื่อรื้อถอนสวนสาธารณะ และกำลังก่อสร้างอาคารสูง 51 ชั้นแทน
โดยในรายการครั้งนั้น ได้มีการนำเสนอคำพิพากษาศาลฎีกา 10 ฉบับ กรณีการอุทิศที่ดินเป็นสวนสาธารณะ หรือสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สรุปความสั้น ๆ ได้ว่า การอุทิศที่ดินเอกชนให้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมายและตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้น “ให้แล้วให้เลย” เพียงแค่แสดงเจตจำนงเท่านั้น ก็มีผลทันที โดยไม่ต้องรอการโอนเสร็จสิ้นเสียก่อน และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เมื่ออ้างอิงจากเนื้อหาคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ที่ดินของนายชูวิทย์จึงน่าจะกลายเป็น “สาธารณสมบัติของแผ่นดิน” ไปแล้ว แม้นายชูวิทย์จะยังคงอ้างว่าชื่อในโฉนดยังเป็นของตน ตนซื้อมาด้วยเงิน 500 ล้านบาท ยังจ่ายภาษีที่ดินให้กรุงเทพมหานครทุกปี ก็ตามแต่