ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย “อุ๊งอิ๊ง” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งคลอดลูกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านโลกออนไลน์ทั้ง ติ๊กต๊อก และ อินสตาแกรม ส่วนตัวของทั้งสามคน ในหัวข้อที่ประชาชนอยากรู้คือ ‘หมดเปลือกเพื่อไทย’ ดำเนินรายการโดย “มดดำ” นายคชาภา ตันเจริญ พิธีฝีปากกล้า
โดย”มดดำ” คชาภา ถามเกี่ยวกับเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 66 ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้ามากถึง 92 เปอร์เซ็นต์จำนวนมากถึง 2 ล้านกว่าคนรู้สึกอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่ดีมาก คนไทยตื่นตัวเรื่องนี้เต็มที่ เห็นได้จากการเดินทางไปลงคะแนนเสียงตามห้างดังๆผู้คนล้นหลาม ถือว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีของคนไทยเกี่ยวกับการเมือง
ส่วน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเรื่องเซอร์ไพร์สอย่างยิ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญและสนใจเรื่องการเมืองมากขึ้น เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีสถานที่เลือกตั้งบางจุดเกิดปัญหา อยากให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วย ดังนั้นทาง กกต. เอง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบตรงจุดนี้ต้องให้ความสำคัญด้วย
ส่วนคำถามที่มีกระแสข่าวว่า เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะเลือกตั้งแล้ว 14 พ..ค.นี้ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสจับมือกับแก๊งค์ 3 ป.หรือไม่ ทาง นายเศรษฐา กล่าวว่า เราไม่เอาผู้นำรัฐประหารแน่นอน และไม่เอากลุ่ม 3 ป.ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพราะยึดหลักประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ส่วนน.ส.แพทองธาร เผยว่า ไม่มีทางจับมือกับกลุ่ม 3 ป.แน่นอน ทุกอย่างต้องรอผลเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ และไม่ว่า พรรคไหนจะมาจับมือกับพรรคเพื่อไทยต้องรับ 3 ข้อนี้ให้ได้คือ 1.เห็นด้วยกับนโยบายของเรา 2.นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคเพื่อไทย และ 3.รัฐมนตรีตำแหน่งต่างๆต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
นอกจากนี้ นายคชาภา ถามถึงพรรคเพื่อไทยมีโอกาสจับมือกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทางพรรคเรากับพรรคก้าวไกลไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไรกัน แถมยังเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกันมาก่อนด้วย ทุกอย่างต้องมาคุยรายละเอียดว่า พรรคก้าวไกลรับข้อตกลงของเราได้หรือไม่ โดยเฉพาะมาตรา 112 ต้องมาดูว่า สมควรแก้ไขตรงจุดไหนบ้าง และควรแก้ไขอย่างไรให้มันดีขึ้น เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนตัวหากได้เป็นรัฐบาลก็จะมีการประกันตัวเด็กๆที่ติดคุกเพื่อให้เขาได้ออกมาสู้ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป เพราะทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบระเบียบที่ทุกคนไม่ควรไปก้าวก่ายกับสถาบันฯ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะจับมือกับพรรคก้าวไกล เพราะมีนโยบายแนวทางการเมืองเป็นคนรุ่นใหม่ และมีจุดยืนทำเพื่อประชาชนเหมือนกัน แต่ทุกอย่างต้องมาคุยรายละเอียดหลังวันที่ 14 พ.ค.ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ นอกจากนี้ตนไม่ยกเลิก มาตรา 112 แน่นอน แต่ทุกอย่างต้อมาคุยกันในสภาฯหาข้อสรุปที่ดี ถือว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถ้าหากได้เป็นรัฐบาลจะขอความเมตตาจากศาลให้พิจารณาน้องๆเหล่านี้ที่ติดคุกอยู่ในเวลานี้ว่า พวกเขาถูกเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ช่วงท้าย นายคชาภา ถามว่า เงินดิจิตอล 10,000 บาทที่จะแจกนั้นเอามาจากไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนตกหลุมดำมานานแล้ว ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจถดถอยและมาเจอโควิด-19 อีก จนทำให้ทุกคนจนลง เงินที่จะมาแจกไม่ใช่เงินคริบโต แต่เป็นเงินบาท ใช้ได้ตามปรกติภายใน 6 เดือน ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ และไม่สามารถเอาไปซื้อของออนไลน์ หรือ เหล้า-บุหรี่ ได้ แต่เอาไปจับจ่ายใช้สอยอย่างเดียว ภายในรัศมี 4 กม. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 5 แสนล้านบาทในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่มีการกู้เงินเพิ่มเติมอย่างแน่นอนขอให้สบายใจได้ เพราะตนได้ปรึกษาทนายความเรียบร้อยแล้วเรื่องนี้ดำเนินการได้ทันที
อย่างไรก็ตาม น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศเราโคม่ามาช้านานแล้ว ถึงเวลาต้องเปลี่้ยนและต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงกับประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนและมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แถมจะต้องมีการพักหนี้ให้กับประชาชนและเกษตรถึง 3 ปีเพื่อให้พวกเขาอืมต้าอ้าปากได้เสียก่อน เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยเราเดินมาถูกทางแล้ว และที่ตนมาเล่นการเมืองในครั้งนี้ไม่ได้กลัวอะไรเลย ถ้ากลัวก็คงไม่มายืนตรงจุดนี้แน่