“ขณะที่เรากำลังปราศรัยอยู่ในตอนนี้มีคุณหยก อายุเพียง 15 ปี ถูกฟ้องด้วยมาตรา 112 ถูกจับขังอยู่ในตอนนี้ เขาตอนนี้อายุมากกว่าลูกสาวผมพิพิมครึ่งหนึ่ง ตอนที่พิพิมเกิดเขาอายุเพียงแค่ 7 ขวบ ตอนนี้เขากลายเป็นผู้ต้องหามาตรา 112 อายุน้อยที่สุด ในประเทศไทย สิ่งที่คุณหยกและคนรุ่นใหม่เผชิญอยู่มันเป็นเพราะคนรุ่นเราไม่ใช่หรือที่นำสถาบันลงมาโจมตีกันตลอดเวลา และยัดคดี 112 ให้คนเห็นต่าง ยัดคดี 112 ใส่คนรุ่นใหม่ตลอดเวลา” ข้อความนี้เป็นคำปราศรัยโค้งสุดท้ายของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 พฤษภาคม 66 ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกองเชียร์ แต่คำถามที่ย้อนกลับคือ “พิธา” จะให้ลูกสาวออกมาเคลื่อนไหวเหมือน “หยก” หรือไม่ ทำไมเลือกพูดว่า “หยก” ไม่ควรถูกคุมขัง แต่ไม่พูดถึงการกระทำผิดของ “หยก” จนโดนข้อหา มาตรา 112
พฤติกรรมของแกนนำพรรคก้าวไกล ส.ส. ก้าวไกล และเครือข่ายที่ผ่านมาถูกโจมตีมาตลอดว่า บิดเบือน ให้ท้าย ปั่นหัวเด็ก “สามนิ้ว” ให้กระทำการที่เหิมเกริม มิบังควรจาบจ้างสถาบัน โดยคำกล่าวหาเหล่านั้นก็มาจากบทบาทที่วิ่งโร่ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปประกันตัวเด็กๆสามนิ้วทันทีที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหา คอยพูดสนับสนุนการกระทำต่างๆ ซึ่งเมื่อมองกลับไปกรณี “หยก” เยาวชนวัย 15 ปี ที่ถูกควบคุมตัวในสถานพินิจในข้อหาทำผิดมาตรา 112 ที่ “บิดเบือน” กันเป็นขบวนการว่าไม่ให้ประกันไม่ปล่อยตัวให้ไปเรียนหนังสือ ทั้งที่ใกล้เปิดเทอม จนกระทั่งล่าสุดศาลเยาวชนและครอบครัวต้องออกคำชี้แจงสาเหตุที่ “หยก” ถูกออกหมายจับโดยยืนยันเป็นการออกหมายจับโดยชอบ เพราะ “หยก” มีพฤติการณ์ประวิงเวลาไม่มาพบพนักงานสอบสวน ขณะที่มารดาของ “หยก”ไม่เคยมาศาลเพื่อติดต่อขอรับตัวไปดูแล และไม่มีบุคคลใดมายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวได้