ล่าสุดทางด้าน “เตอร์” ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ได้แถลงกรณีเมาแล้วขับ โดยเจ้าตัวกล่าวขอโทษประชาชนที่ทำให้ผิดหวัง และบอกว่าจะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายเฉกเช่นประชาชนคนหนึ่ง และขอลาออกจากการเป็นส.ส.เพื่อรับผิดชอบ และขอโทษอีกครั้งที่ไม่สามารถเข้าไปผลักดันสมรสเท่าเทียมต่อได้
และเจ้าตัวได้กล่าวอีกด้วยว่า ตอนนั้นออกไปพบเพื่อนตอน 5 ทุ่ม และดื่มแอลกฮอล์ไป 3-4 แก้ว ระหว่างนั้นยืนยันว่าไม่ได้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ได้หลีกเลี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่เลย
นอกจากนี้น.ส.ณธีภัสร์ ยังกล่าวอีกว่า ตนมาแถลงขอโทษประชาชนจากใจจริง โดยการลาออกเป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างตนเองและแกนนำพรรค พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ว่า ได้มีการดื่มแอลกอฮอล์ 3-4 แก้ว และได้ขับรถผ่านด่านตรวจ และได้จอดรถพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยไม่มีการปฏิเสธหรือขัดขืนแต่อย่างใด และยอมรับว่าได้ต่อสายหาเพื่อนจริงแต่ให้มาอยู่เป็นเพื่อน ยืนยันว่าพร้อมเป่าแอลกอฮอล์ ไม่มีเจตนาปฏิเสธกระบวนการตรวจวัด หลังจากนี้ตนพร้อมที่จะทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกพรรค
“ก็น้อมรับความผิดอย่างไม่มีข้อแก้ตัว ผมจะปฏิบัติตัวให้ดีขึ้น ตามที่ประชาชนคาดหวัง” น.ส.ณธีภัสร์ กล่าว
น.ส.ณธีภัสร์ กล่าวว่า ในสมัยหน้าหากมีโอกาสที่จะลงสมัคร ส.ส. และประชาชนให้โอกาสก็พร้อมที่จะสมัครอีกครั้ง พร้อมเปิดเผยว่าตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่ได้คุยกับนายพิจารณ์ และตัดสินใจที่จะแถลงวันนี้โดยการลาออกจากว่าที่ ส.ส. และย้ำคำขอโทษที่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ยอมรับเป็นความผิดของตนเองคนเดียวและไม่กระทบต่อพรรค
ด้านนายพิจารณ์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อพรรค ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นและเป็นข่าว ได้พยายามติดต่อไปยังผู้กำกับสถานีตำรวจในพื้นที่ตั้งด่าน เพื่อที่จะชี้แจงว่าแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นการนำจัดตั้งรัฐบาลก็ขอให้ตำรวจ ดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องเลือกปฏิบัติ แม้พวกเราจะเป็นนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งตำรวจก็เข้าใจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แจ้งว่าทางน.ส.ณธีภัสร์ ไม่แสดงตัวว่าเป็น ส.ส.ของพรรคหรือพยายามใช้อำนาจและอภิสิทธิ์กับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นน.ส.ณธีภัสร์ ก็พร้อมที่จะรับความผิดและได้สอบถามนางสาวณธีภัสร์และตำรวจพบว่าไม่ได้มีการปฏิเสธกระบวนการเป่าแอลกอฮอล์หรือส่อไปในทางที่ไม่ให้ความร่วมมือ และในฐานะรองหัวหน้าพรรคขอกล่าวคำขอโทษต่อประชาชนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเพื่อแสดงความรับผิดชอบ น.ส.ณธีภัสร์ได้ลาออกจาก ส.ส. จะไม่ได้เป็น ส.ส. ในสมัยประชุมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงหนึ่งนายพิจารณ์นิ่ง หน้าแดงอยู่ในอาการเสียใจ โดยพยายามกลั้นและปาดน้ำตา และไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ทันที
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นแกนนำพรรครู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายพิจารณ์ ยังพยายามกลั้นน้ำตา และกดความเสียใจไว้ ก่อนกล่าวว่า รู้สึกเสียใจและมองว่าน.ส.ณธีภัสร์ให้ความสำคัญกับสถาบันทางการเมืองมากกว่าตำแหน่ง ส.ส. และแสดงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในเจตนาและแนวทางดำเนินการของพรรคก้าวไกล และรับว่าเป็นการแสดงบรรทัดฐานความรับผิดชอบทางการเมือง
เมื่อถามว่าเสียดายบุคลากรหรือไม่ นายพิจารณ์ สะอื้นร้องไห้ และพยายามเก็บอารมณ์ แต่ไม่สามารถตอบคำถามได้จบ และพาน.ส.ณธีภัสร์ออกไปจากห้องแถลงทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากกระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้น พรรคก้าวไกลจะเอาผลมาพิจารณาตามระเบียบข้อบังคับพรรคอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบันพรรคก้าวไกลมี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 39 คน การลาออกของ น.ส.ณธีภัสร์ ทำให้ต้องเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกล ขึ้นมา 1 ลำดับ ทำให้นายสุเทพ อู่อ้น ปีกแรงงานในพรรคก้าวไกล ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 40 ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นว่าที่ ส.ส.แทน
สำหรับนายสุเทพ อู่อ้น เคยเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล เมื่อปี 2562 เคยเป็น ประธานสหภาพแรงงาน ยานยนต์และอะไหล่ ประธานสมาพันธ์แรงงาน ประเทศไทย และพนักงานประจำ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ประเทศไทย จำกัด มีบทบาทสูงในด้านความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับแรงงานของพรรค ต่อมาช่วงก่อนเลือกตั้ง 2566 ถูกลดบทบาทลง และในช่วงโค้งสุดท้ายตอนจัดชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายสุเทพ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรรมการบริหารพรรค ในการจัดลำดับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อดังกล่าว ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคอย่างรุนแรง