“สภานายจ้างฯ” ห่วงช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ ต่อใบอนุญาตแรงงานข้ามชาติไม่ชัดเจน หวั่นแรงงานหลุดออกนอกระบบ

“สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย” ห่วงช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ แนวทางการต่อใบอนุญาตแรงงานข้ามชาติยังไม่ชัดเจน หวั่นแรงงานหลุดออกนอกระบบ กว่า 1.9 ล้านราย ขอรัฐบาลชุดใหม่ บูรณาการทุกมิติ ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เมื่อเดือนเมษายน 2566 พบว่า มีแรงงานข้ามชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม อยู่ในช่วงดำเนินการต่อใบอนุญาตทำงาน ตามมติคณะรัฐมนตรี 7 กุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่จำนวน 1,912,031 คน เป็นกัมพูชา 274,287 คน ลาว 92,301 เมียนมา 1,543,355 และเวียดนาม 2,088 คน โดยแรงงานจำนวนดังกล่าวต้องดำเนินการตรวจลงตราวีซ่าภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 แต่ล่าสุดรัฐบาลยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีออกมาใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มแรงงานที่ดำเนินการไม่ทันกำหนด ซึ่งเหตุผลหลักมาจากการดำเนินการต่อหนังสือเดินทางหรือเอกสารแสดงตนชั่วคราว (CI) ที่ไม่สามารถรองรับผู้ขอใช้บริการจำนวนมากได้

ขณะเดียวกัน แม้รัฐบาลจากประเทศต้นทางอย่างเมียนมาได้เข้ามาตั้งศูนย์ออก CI ในบ้านเราเพื่ออำนวยความสะดวกก็ตาม แต่พบว่าขั้นตอนที่หลากหลายหลังจากที่ไม่มีการเปิดศูนย์บริหารจัดการแรงงานข้ามชาติแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service Centers) เหมือนก่อนยุคโควิด เอกสารเดินทางแรงงานข้ามชาติที่ทยอยหมดอายุ และการต่อใบอนุญาต มีค่าใช้จ่ายที่สูง หรือเดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยตามกระบวนการ MOU ทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่าจำนวนแรงงานข้ามชาติที่หลุดออกจากระบบแต่ยังคงทำงานอยู่ในประเทศไทยจะยังมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งกฎหมายกำหนดให้แรงงานข้ามชาติที่อยูในประเทศมาแล้ว 4 ปี ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางก่อน และค่อยกลับเข้ามาทำงานตามระบบ MOU ซึ่งจากประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงและกรอบระยะเวลาในการนำเข้าแรงงานตาม MOU รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองและความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา สภาองค์กรนายจ้างฯ มองว่า เป็นปัจจัยที่ไม่เกื้อหนุนให้แรงงานข้ามชาติ กลับเข้าทำงานในประเทศไทยได้ถูกต้องตามกฎหมาย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ยังไม่มีความชัดเจนว่าการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติทั้งที่อยู่ในระบบและออกนอกระบบไปแล้วนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลใหม่ต้องบริหารจัดการ รวมไปถึงการประกาศนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการในการจูงใจให้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในประเทศไทย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของนายจ้างที่จะเสนอค่าจ้างและสวัสดิการแรงงานให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อพิจารณาถึงความเปราะบางของกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่กล่าวมาแล้วนั้น แนวโน้มของการใช้แรงงานข้ามชาติที่เข้าเมืองในช่องทางที่ไม่ปกติอาจเพิ่มสูงขึ้น โดยแรงงานอาจไม่มีทางเลือกเกี่ยวกับงานที่ทำมากนัก และอาจเป็นการเปิดช่องว่างให้มีการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นทางการมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนและภาระในการดูแลแรงงาน

อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังต่อนายจ้างทั้งภายในประเทศหรือระหว่างประเทศมีสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเพิ่มค่าจ้างให้ลูกจ้าง หรือการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสรรหาแรงงานข้ามชาติ ตามหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน งานที่มีคุณค่า และการสรรหาแรงงานอย่างมีจริยธรรม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการประกอบธุรกิจในสภาพเศรษฐกิจโลกขณะนี้ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเหมาะสมตามศักยภาพธุรกิจและทันท่วงที

 

“การบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติของรัฐบาลชุดใหม่ของไทย จำเป็นต้องมีการบูรณาการในทุกมิติและข้ามกระทรวง เพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยรัฐจำเป็นต้องมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกมากกว่าเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข นโยบายของรัฐจำเป็นต้องคำนึงถึงมิติความมั่นคงของมนุษย์เทียบเท่ากับความมั่นคงของรัฐ ไปพร้อมกับการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และดำเนินนโยบายการต่างประเทศที่มีความสมดุล เข้าใจ ให้เกียรติ และเคารพซึ่งกันและกันในสังคม”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พิชัย" นำทีมพณ.เจรจา รมต.การค้า 7 เขตเศรษฐกิจเอเปค เพิ่มเชื่อมั่นไทยเป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าอุตฯสมัยใหม่
หนุ่มเจ้าของบริษัท ผวา พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องรถยนต์เก๋ง
แนะยุบ กกต.ทิ้ง เทพไท แฉ เลือกตั้ง อบจ.เมืองคอนซื้อเสียงเปิด เผย โวย กกต.นั่งดูตาปริบๆ แนะยุบทิ้งดีกว่ามั้ย
"เชน ธนา" พาสื่อทัวร์โกดัง ยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขายเอาเงินไปใช้ตามข่าว ย้ำชัดไม่ได้โกงคู่กรณี
ตร.จ่อเรียก “เอก สายไหมฯ” สอบอีกครั้ง หลังให้การขัดแย้งพยาน
"สปป.ลาว" ออกแถลงการณ์ "เสียใจสุดซึ้ง" ปม นทท.เสียชีวิตดื่มเหล้าเถื่อน ยันเร่งนำตัวคนร้ายมาลงโทษ
บุกจับ ! พ่อค้ายากระโดดระเบียง สูงกว่า 2.5 เมตร หนี คิดว่าจะหนีรอด เพราะ ปลัดหน้าไม่โหด
ไฟไหม้ ! ร้านกาแฟวอดหมดทั้งหลัง เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรมูลค่าความเสียหายกว่า 700,000 บาท
ทั้งเจ็บ ทั้งจำ หนุ่ม เบญจเพสซวยสองเด้ง ถูกวัยรุ่นทำร้าย ถูกจับพกยาไอซ์ซ้ำ
หนุ่มจิตเวชคลั่ง จุดไฟ-ถือมีดขู่ชาวบ้าน ตำรวจกู้ภัยระงับเหตุทันควัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น