“เรืองไกร” ย้ำ “พิธา” รู้ดีปมถือหุ้นสื่อ จ่อยื่นหลักฐานเอาผิดเพิ่ม ให้กกต.เช็กบิล

“เรืองไกร” จ่อยื่นเอกสารเพิ่มกกต.เช็กบิล “พิธา” ปมถือหุ้นไอทีวี ระบุยื่นเปลี่ยนที่อยู่ 3 รอบ ชี้ชัดว่า รู้ถึงการครอบครองหุ้น

 

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เตรียมยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ในขณะที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และยินยอมให้เสนอชื่อเป็นนายกฯ จะเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่

 

โดยส่งเอกสารประกอบ ดังนี้ ตารางชื่อนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ กับนายพิธา ถือหุ้น ITV ปี 2549 – 2566, สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น บมจ. ไอทีวี ปี 2549 – 2566 (บางส่วน) , สำเนาวัตถุประสงค์ของ บมจ.ไอทีวี, ตารางรายได้รวมของ บมจ.ไอทีวี ปี 2564 -2565, สำเนารายได้รวมของ บมจ.ไอทีวี ปี 2564 -2565 (ขาดปี 55) และสำเนาพ.ร.บ.บริษัทจำกัดมหาชน (บางส่วน) มายื่นด้วย

 

 

 

ทั้งนี้ขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นายพิธา เพิ่มเติมดังนี้

1. ตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ปี 2549 มีชื่อนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นจำนวน 12,000 หุ้น ปี 2550 มีชื่อนายพงษ์ศักดิ์ ถือหุ้นจำนวน 42,000 หุ้น ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2566 มีชื่อนายพิธา ถือหุ้นจำนวน 42,000 หุ้น มาโดยตลอด และมีการแจ้งที่อยู่แตกต่างกัน 3 ครั้ง คือ ปี 2551 ที่อยู่ THE BOSTON CONSULTING GROUP U CHU LIANG BLD ชั้น 31 ถ.พระราม4 ลุมพินี ปทุมวัน 10330

ครั้งที่ 2 ปี 2552- 2558 ที่อยู่ 59 ซอยแสนสบาย3 ถ.พระราม 4 คลองเตย คลองเตย 10110

และครั้งที่ 3 ปี 2559-2566 ที่อยู่ 98/26 อาคารซิลเวอร์ เฮอริเทจ ซ.สุขุมวิท38 ถ.สุขุมวิท พระโขนง คลองเตย 10110 ซึ่งการแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ ทำให้น่าเชื่อว่า นายพิธา รู้หรือควรรู้ถึงการถือหุ้นจำนวน 42,000 หุ้น มาโดยตลอด แต่นายพิธา ไม่เคยมีการระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดการกองมรดกตามที่กล่าวอ้างไว้แต่อย่างใด

ข่าวที่น่าสนใจ

ข้อ 2 ตามหนังสือรับรองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกให้วันที่ 8 พ.ค. 2566 พบว่าบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์ ข้อ 18 ข้อ 40 ข้อ 41 และข้อ 43 ดังนี้ ข้อ 18 ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่าย และออกหนังสือพิมพ์ ข้อ 40 ประกอบกิจการ รับบริหารงาน และดำเนินกิจการสถานีวิทยุ โทรทัศน์ โทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกและโทรภาพทางสาย (เคเบิลที่วี) รับเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ บริการประชาสัมพันธ์และจัดรายการทางวิทยุโทรทัศน์ โทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกและโทรภาพทางสาย(เคเบิลวี)ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี หรือคณะกรรมการควบคุมการกระจายเสียงของรัฐ หรือหน่วยงานผู้มีอำนาจใดๆในกิจการวิทยุโทรทัศน์ โทรภาพทางสาย(เคเบิลทีรี) ข้อ 41 ประกอบกิจการรับจ้างโฆษณาทางโทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อใดๆ รับบริการถ่ายภาพเพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนรับจ้างออกแบบโฆษณาทุกชนิดทุกประเภท บริการประชาสัมพันธ์ทางธุรกิจ และข้อ 43 ประกอบกิจการ ผลิต จัดสร้าง จัดทำ จัดจำหน่าย และจัดการโดยประการอื่น ซึ่งรายการที่เกี่ยวกับข่าว สารคดี ละคร การแสดงและรายการบันเทิงทุกชนิดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ หรือสถานบันเทิงใด ๆ

ข้อ 3 บริษัท ไอทีวี มีรายได้รวมตั้งแต่ปี 2549-2565 มาโดยตลอด (ขาดข้อมูลปี 2555)

ข้อ 4 จากข้อเท็จจริงข้างต้น จะเห็นได้ว่านายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทไอทีวี 42,000 หุ้น ตั้งแต่ปี 2551 จนถึง วันที่ 26 เม.ย.2566 และบริษัทไอทีวี มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับสื่อมวลชนใดๆ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และมีรายได้ตามงบกำไรขาดทุนมาทุกปี

ข้อ 5 พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ซึ่งมีมาตราที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรา 62 วรรคสาม บัญญัติว่า “ระเบียนผู้ถือหุ้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าถูกต้อง” มาตรา 59 บัญญัติว่า “ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทตายหรือล้มละลาย อันเป็นเหตุให้บุคคลใดมีสิทธิในหุ้นนั้น ถ้าบุคคลนั้นได้นำหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมายมาแสดงครบถ้วนแล้วให้บริษัทลงทะเบียนและออกใบหุ้นให้ใหม่นับแต่วันได้รับคำร้องขอนั้น”

 

 

และข้อ 6 กรณีที่นายพิธา ยังคงมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น บริษัทไอทีวี อยู่นั้น จึงควรมาจากการที่นายพิธา ในฐานะผู้มีสิทธิในหุ้นบริษัทไอทีวี ได้นำหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมายไปแสดงโดยครบถ้วน จึงทำให้ทะเบียนผู้ถือหุ้นปรากฏรายชื่อนายพิธา ตลอดมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งกฎหมายให้ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าถูกต้อง

ดังนั้นการที่นายพิธา ยังคงมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอที ดังกล่าวอยู่ในขณะที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. และยินยอมให้เสนอชื่อเป็นนายกฯ จึงอาจเข้าข่ายที่ต้องส่งให้ศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาวินิจฉัยต่อไปว่า นายพิธา มีลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ และขอให้ กกต.ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่า นายพิธา มีลักษณะต้องห้ามในการเป็นส.ส. หรือรัฐมนตรี ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 160 หรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น