หลังจากที่สังคมและประชาชนต่างจับจ้อง ถึงการผลักดันแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรง ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมรายวัน เพราะหากมีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จิสิ้น พรรคก้าวไกลก็พร้อมจะผลักดันกฎหมาย 45 ฉบับบ รวมทั้งแก้ไขมาตรา 112 ทันที ขณะที่บรรดาคนดัง ดารา นักแสดง ยังออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้าน และเห็นด้วยว่า ประเทศไทยต้องมีมาตรา 112 และยิ่งควรเพิ่มโทษในผู้ที่กระทำการไม่เหมาะสม มากกว่าจะลดโทษจะเหลือเพียงการหมิ่นประมาทบุคคลคนธรรมดาอีกด้วย
วิจารณ์หนัก "เจี๊ยบ ก้าวไกล" ปลุกรื้อแก้ 112 ลามปามถึง"พระสยามเทวาธิราช"
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุดนางอมรัตน์ โชคปมิตรกุล ว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรค ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ม.112 นี่ครอบคลุมถึงพระสยามเทวาธิราชด้วยหรือเปล่า?”
จนต่อมาได้มีคอมเมนต์จากกองเชียร์ก้าวไกล ระบุว่า ผมเสนอวิธีที่ดีกว่าการเป็นรัฐบาลของไทย คือแยกประเทศครับ
รวมถึงชุดผ้าขาวม้าด้วยครับ
น่าจะคุ้มครองยันสากกะเบือในโรงครัว 5555 พระสยามพารากอน… พระสยามแสควร์… พระสยามคอนติเนลตัล
คนมันจะหาเรื่อง สมัยพ่อขุนรามฯ มันก็บอกครอบคลุม สงสารพี่น้องประชาชนที่โดนคดีนี้ที่สุด ไม่รู้ซิครับ.. แต่เห็นใครไปยุ่งกะหมาท่านก็ติดคุกก็แล้วกัน..
สงสัยเหมือนกันว่าครอบคลุมถึงผีด้วย ?
สำหรับเรื่องราวของ พระสยามเทวาธิราช เทวดาคุ้มครองบ้านเมือง มีข้อมูลบันทึกไว้ว่า พระราชพิธีบวงสรวง “พระสยามเทวาธิราช” มีกำหนดการประกอบพิธีกรรมในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินไทย
ตามคติความเชื่อ…คนไทยมักนิยมทำบุญตักบาตรเลี้ยงพระเนื่องในวันปีใหม่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณบรรพบุรุษ รวมถึงบูชาเซ่นสรวงเทพยดาอารักษ์ที่เคารพนับถือ
การบวงสรวงเป็นธรรมเนียมที่ปรากฏในสมัยรัชกาลที่ 4 เนื่องมาจากพระราชดำริว่า…“สยามประเทศดำรงความเป็นเอกราช ดำรงความผาสุกยั่งยืนมาตั้งแต่โบราณ แม้หลายครั้งหลายคราวจะมีเหตุที่ทำให้บ้านเมืองเพลี่ยงพล้ำข้าศึกศัตรูหรือมีเหตุจะเสียบ้านเสียเมืองแต่ก็รอดพ้นมาได้ทุกครั้ง ก็น่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพยดาอารักษ์คุ้มครองให้รอดพ้นภัยอันตรายมาได้ทุกครั้ง”
หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง กล่าวไว้ในบันทึกว่า พระสยามเทวาธิราชเริ่มมีเมื่อสมัยก่อนรัชกาลที่ 4 แต่ก่อนพระเจ้าแผ่นดินสมัยนั้นก็บูชาเทวาชื่อนั้นชื่อนี้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่เป็นคนสำคัญ ขออย่างนั้นอย่างนี้
ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4 ท่านเป็นนักปราชญ์ เป็นนักบาลีก็มาตั้งชื่อใหม่ว่า “พระสยามเทวาธิราช” หมายถึงว่า “เทวดาทั้งหมดที่รักษาประเทศสยาม” ทีนี้ถามว่า…ให้คุณให้โทษทางไหน ให้โทษนี้ก็ไม่ทราบ ให้คุณนี่ก็ไม่รู้ แต่ท่านเป็นเทวดา
“พระสยามเทวาธิราช” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไทยเรามาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
พระองค์มีพระราชดำริว่า…ประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่บังเอิญมีเหตุให้รอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ…ชะรอยคงจะมี “เทพยดา” ที่ “ศักดิ์สิทธิ์” คอยอภิบาลรักษาอยู่สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระองค์ เจ้าประดิษฐวรการปั้นรูปสมมติขึ้นแล้วหล่อด้วยทองคำแท่งลักษณะแบบเทวรูป ความสูง 8 นิ้ว ทรงเครื่องอย่างเทพารักษ์ ทรงมงกุฎ ประทับยืน พระหัตถ์ขวา ทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นในท่าจีบเสมอพระอุระ ประทับในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์มีลักษณะ แบบวิมานเก๋งจีน
ถวายพระนามว่า…“พระสยามเทวาธิราช” โปรดเกล้าฯให้ประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง
พระองค์ทรงเคารพบูชาพระสยามเทวา ธิราชเป็นอย่างสูง…เป็นที่ร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งทรงถวายเครื่องสักการะเป็นประจำทุกวัน…
ทรงถวายเครื่องสังเวยทุก “วันอังคาร” และ “วันเสาร์” ก่อนเวลาเพล…โปรดเกล้าฯให้จัดพิธีสังเวยเทวดาในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งตรงกับ “วันขึ้นปีใหม่” ทางจันทรคติแบบโบราณด้วย
คนไทยเราแต่โบราณนานมาเชื่อว่า…มี “เทวดา” ผู้ปกปักรักษาบ้านเมือง
สมัยกรุงสุโขทัยก็มี “พระขพุงผี” เชื่อกันว่า…“ถ้าไหว้ดีพลีถูก บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าไหว้ดีพลีไม่ถูก บ้านเมืองก็ล่มจม”
วันเวลาผ่านไปเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็มีความเชื่อกันว่า… “พระเสื้อเมือง” “พระทรงเมือง” “พระหลัก เมือง” เป็นเทวดาคุ้มครองบ้านเมือง อำนาจทางทหาร…อำนาจของข้าราชการพลเรือน ต้องเข้ม แข็ง…อำนาจตุลาการ ความยุติ ธรรมที่ถูกต้องเที่ยงตรง จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความร่มเย็นได้
ส่วนชาวบ้านก็ให้ความเคารพยำเกรงต่อ “พระแก้ว”…พระแก้วมรกตคู่บ้านคู่เมือง กับ “พระกาฬ”…บริวารพระยม มีหน้าที่นำดวงวิญญาณมนุษย์ไปยมโลก จนมีคำสาบานที่อ้างพระแก้วพระกาฬกันติดปาก
ศรัทธาที่คนไทยมีต่อ “พระสยามเทวาธิราช” จึงมีอยู่มากล้น ด้วยมีใจศรัทธาอาจรู้สึกสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจในการปกปักรักษาบ้านเมืองให้สุขสงบร่มเย็น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง