ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กระบุว่า การระบาดของโรคโควิด 19 เกิดขึ้นเป็นระลอก ตามสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไป การควบคุมการระบาดของโรค จะต้องควบคุมทั้งโลกใบนี้ ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง เราจะเห็นว่าประเทศพัฒนาแล้ว หรือประเทศทางตะวันตกมีวัคซีนเพียงพอและให้กับประชากรได้เป็นจำนวนมาก เหมือนว่าจะควบคุมได้ด้วยวัคซีน แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
ขณะที่ประเทศอื่นมีการระบาดอย่างรุนแรง และต้องการความช่วยเหลือพร้อมกันในการควบคุมให้เร็วที่สุด ถ้าไม่เช่นนั้นไวรัสก็จะเกิดสายพันธุ์ใหม่ และย้อนกลับไปยังประเทศที่ควบคุมได้แล้วการควบคุม จึงต้องควบคุมไปพร้อมกันทั้งโลกใบนี้ ไม่ใช่คิดว่าจะควบคุมในประเทศของตนด้วยวัคซีนก็พอแล้ว แต่ผลลัพธ์เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ก็จะย้อนกลับไปหาได้ จึงเป็นการสอนให้รู้จักแบ่งปัน ประเทศที่มีวัคซีนมากกว่า ก็ต้องแบ่งปันไปให้ประเทศที่มีโอกาสน้อยกว่าไม่ให้เกิดโรคนี้ระบาดขึ้นมาอย่างรุนแรงได้ เพราะถ้าระบาดอย่างรุนแรงก็จะเกิดสายพันธุ์ใหม่ และจะย้อนกลับไประบาดได้ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนได้เป็นจำนวนมากก็ตาม
ประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีน mRNA (Pfizer) ได้เป็นจำนวนที่สูงมาก และควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็ว ลดอัตราการตายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แล้วเวลาผ่านมาแค่ 8 เดือน อิสราเอลมีการพบจำนวนผู้ป่วยสายพันธุ์เดลต้า ( 650 คนต่อล้านของประชากร) เมื่อคิดต่อประชากรแล้ว จำนวนผู้ป่วยมากกว่าประเทศไทย แต่อัตราการเสียชีวิตลดน้อยลง
ผู้ที่ฉีดวัคซีนมานานแล้ว นานเกิน 6 เดือน จะมีโอกาสเกิดโรคได้มากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมาแล้วน้อยกว่า 6 เดือนอยู่ 2.2 เท่า ไม่ว่าวัคซีนอะไร เมื่อฉีดมานานแล้ว ภูมิต้านทานก็จะลดลง และไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้ (สายพันธุ์เดลต้า) จึงเป็นเหตุให้อิสราเอลเริ่มจะมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3
การควบคุมโรคระบาดของโลก ต้องรู้จักแบ่งปัน และควบคุมไปพร้อมๆกัน ไม่ให้เกิดการระบาดใหญ่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะถ้ามีการระบาดใหญ่ โอกาสที่ไวรัสจะกลายพันธุ์ มีมาก และก็จะย้อนกลับ ไประบาดใหญ่ทั่วโลกได้อีก ทำนองเดียวกันประเทศที่มีวัคซีนเหลือเฟือ ก็ควรกระจายออกมาควบคุมในประเทศที่กำลังระบาดอย่างรุนแรง หรือ มีแนวโน้มที่จะระบาดอย่างรุนแรงให้รวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดสายพันธุ์ใหม่