“เกียรติ” ติงหนักนโยบายก้าวไกลดันค่าแรง 450 บาท ปรับขึ้นภาษีกระทบภาพรวมศก.

“เกียรติ สิทธีอมร” มองหลายนโยบายก้าวไกล สร้างความกังวลต่อนักลงทุน ภาคเอกชน ชี้ค่าแรงขั้นต่ำ เป็นเรื่องของไตรภาคี ไม่ใช่เรื่องที่การเมืองจะมาชี้นำ พร้อมเตือนขึ้นภาษี กระทบกลุ่มทุนไทยและต่างชาติไหลออกต้องดูเวลาเหมาะสม ระบุนโยบายเศรษฐกิจ ต้องมีที่มาของเม็ดเงินงบประมาณชัดเจน

นายเกียรติ สิทธีอมร ทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ / ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ อดีตรองประธานหอการค้าโลก (ICC) /อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย และอดีตประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว TOPNEWS ถึงประเด็นที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ตัวเต็งรมว.คลัง จากพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดวิสัยทัศน์ ทลายทุนผูกขาด เก็บภาษีความมั่งคั่ง ผ่านแพลตฟอร์มของ “ลงทุนแมน” รวมถึงความเป็นไปได้ของนโยบายต่างๆ ของเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล

สำหรับประเด็นในรายการ อาทิ ภาษีความมั่งคั่งจะเก็บ 0.5% ต่อปีจากทรัพย์สินส่วนที่เกิน 300 ล้านบาท / อยากให้เก็บภาษี Capital Gain Tax หรือ กำไรจากการขายหุ้น / จะปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล 23% ของบริษัทใหญ่ที่มีกำไรเกิน 300 ล้าน / จะปรับลดภาษีนิติบุคคล ของบริษัทเล็กที่มีกำไรต่ำกว่า 30 ล้าน / ค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน มองว่าเป็นความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการขึ้นค่าแรงสู่ดุลยภาพ

นายเกียรติ ระบุว่า หลักคิดเรื่องการดูแลเรื่องภาษีมันอ่อนไหวกับความคิดของภาคเอกชน ต้องทำด้วยความระมัดระวังและความเข้าใจในทางปฏิบัติด้วย ซึ่งจากการที่ได้ติดตามนโยบายที่ออกมาระบุว่า บริษัทขนาดใหญ่ที่จ่ายภาษีสูง และบริษัทขนาดเล็กจ่ายภาษีต่ำ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ทุกบริษัทจะทำตัวให้เล็ก ดังนั้น จะได้เป้าหมายในการเก็บภาษีหรือไม่ และยังเป็นปัญหาจริงในทางปฏิบัติ และต้องไม่ลืมว่าในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ทุน หรือกำไร สามารถจะเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่ใดก็ได้ ดังนั้น บริษัทต่างๆ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเลือกเข้าไปลงทุน ในประเทศที่เสียภาษีน้อยหรือภาษีต่ำที่สุด

ทั้งนี้ เรื่องภาษีนั้นมองว่า จะต้องดำเนินการด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง ว่าทำเพื่อเป้าหมายอะไร หากเป็นการระบุว่า จัดเก็บภาษีเพื่อนำมาอุดหรือเพิ่มงบประมาณ เพื่อนำไปใช้ในสวัสดิการต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้แต่จะต้องพิจารณาระยะเวลาในการดำเนินการ และหากดำเนินการไปแล้ว จะต้องพิจารณาทั้งผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ผลกระทบที่จะตามมา เป็นต้น

นายเกียรติ ระบุว่า จากที่ได้ติดตามนโยบายของพรรคก้าวไกล ทำให้ประชาชน เข้าใจว่า จะทำทันทีใน 100 วัน แต่ความจริงแล้ว ในส่วนของงบประมาณที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับนโยบายที่เกิดขึ้น พร้อมตั้งคำถามกับพรรคก้าวไกลในทุกเวทีดีเบตว่า จะนำเงินหรืองบประมาณ มาจากที่ใดมาใช้กับนโยบายที่ให้ไป รวมถึงจะเกิดผลกระทบขึ้นกับโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งระบบหรือไม่ ทั้งนี้ เชื่อว่า การที่พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าจะปรับขึ้นภาษี ทั้งที่ไม่มองภาพรวมของประเทศ อีกทั้งยังมีการจัดเก็บภาษีหลายระดับ ในทางปฏิบัติตนเองมองว่าอาจจะไม่ได้ผล นอกจากนี้ การที่พรรคออกมาระบุว่า จะมีการขึ้นภาษีต่างๆ แต่จากสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้ ยังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอย หรือ recession เป็นจังหวะที่จะหารือเรื่องการปรับขึ้นภาษีหรือไม่

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายเกียรติ ระบุว่า เข้าใจว่า พรรคก้าวไกล กำลังจะเป็นรัฐบาล ดังนั้น ในสิ่งที่เคยรับปากประชาชนไว้ช่วงเลือกตั้ง จะต้องพยายามทำให้ได้ แต่มองว่าในสิ่งที่รับปากประชาชนไว้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ซึ่งที่ผ่านมาในเวทีดีเบต ก็ได้มีการซักถามตลอด อาทิ ในเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวันทำทันที ซึ่งตนอยากถามว่า พรรคก้าวไกล ทราบหรือไม่ว่า ที่มาของคณะกรรมการไตรภาคี มาจากไหน ซึ่งกว่าจะมีคณะกรรมการไตรภาคีเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องไปลงนามความร่วมมือสนธิสัญญากับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อแก้กฎหมายในปี 2541 ให้สอดคล้องกับข้อตกลงของ ILO โดยมีหลักคิดเรื่องค่าแรงขั้นต่ำว่า ไม่ใช่เรื่องที่พรรคการเมืองจะมาพูด แต่เป็นเรื่องของนายจ้าง ลูกจ้าง โดยการสนับสนุนของรัฐ ซึ่งคือกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ การที่ไม่ให้พรรคการเมืองมายุ่งเกี่ยวในเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ เพราะมีประเทศที่เคยเจ๊ง เพราะการเมืองชี้นำค่าแรงขั้นต่ำมาแล้ว

นายเกียรติ ระบุว่า วันนี้เรามี 2 พรรคใหญ่ ที่รับปากประชาชนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำไว้ที่ 450 บาทต่อวัน และ 600 บาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงเกิดการคัดค้านจากภาคเอกชนเกิดขึ้น และอาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอาจมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศ รวมถึงกระทบไปยังขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการ เรื่องจากค่าแรงขั้นค่ำที่ประเทศไทยถูกกว่า เวียดนาม สูงกว่า ลาว พม่า มาเลเซีย เป็นต้น ดังนั้น ในการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจะต้องถามกลับไปว่า ใครได้ประโยชน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย เพราะได้ค่าแรงที่สูงกว่าการทำงานในประเทศของตน และนำเงินที่ได้จากค่าจ้างที่สูงกว่ากลับไปยังประเทศของตนเอง อีกทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็มีนโยบายจบปริญญาตรีรับเงินเดือน 2.5 หมื่นบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่า หลังจากที่เลือกตั้งแล้วเสร็จตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากการเทขายของนักลงทุน ที่มีความกังวลหากรัฐบาลใหม่ดำเนินนโยบายตามที่ได้มีการหาเสียงไว้จะส่งผลกระทบเช่นไรให้เกิดขึ้น

 

 

จากนโยบายของพรรคก้าวไกล นายเกียรติ มองว่า จากการสอบถามในวง ดีเบต ก่อนการเลือกตั้ง ก็มีความชัดเจนมาก และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนถึงเงินงบประมาณที่่จะนำไปใช้กับนโยบายต่างๆ มาจากที่ใด ทั้งในส่วนของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีความชัดเจนเรื่องงบประมาณจะมาจากไหน และที่ออกมาให้ข้อมูลว่า จะไปตัดจากงบประมาณกลาโหม ก็จะต้องพิจารณาว่าจะส่งผลกระทบอะไรให้เกิดขึ้นหรือไม่ ขณะเดียวกัน ตนยังมองไม่เห็นว่าจะได้เม็ดเงินมากเพียงพอกับนโยบายที่รับปากไว้ทั้งหมด โดยอยากให้พรรคก้าวไกลออกมาให้ความชัดเจนในเรื่องที่มาของเม็ดเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้ดำเนินนโยบายเสียก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความกังวลให้เกิดขึ้นกับภาคเอกชน อยากให้รับฟังเสียงสะท้อนจากภาคส่วนต่างๆ

และจากนโยบายต้องการเก็บภาษีความมั่งคั่งแทนการจัดเก็บภาษีในรูปแบบเดิมนั้น นายเกียรติ มองว่า หากเรามีแนวความคิดที่ว่า คนที่รวย คนที่ใหญ่เป็นคนไม่ดี อาจจะทำให้หลงทางได้ เพราะกลุ่มทุนไม่ใช่คนเลว โดยกลุ่มทุนเป็นกลุ่มที่สร้างเงินให้ประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศ ดังนั้น การที่ใช้คำว่ากลุ่มทุนจึงกลายเป็นวลีเด็ดในการหาเสียง ซึ่งกลุ่มทุนไม่สามารถดำเนินการอะไรได้หากคนที่อยู่ในอำนาจรัฐไม่อนุมัติ ในสิ่งที่ไม่ชอบ จึงอย่าไปโทษกลุ่มทุนแต่ให้โทษคนที่มีอำนาจอนุมัติ ดังนั้น การเป็นบริษัทที่ใหญ่ไม่ถือว่าผิด แต่หากเป็นบริษัทที่ใหญ่และมีความเกเรถือว่าผิด ซึ่งเป็นหลักของการแข่งขันทางการค้า ดังนั้น หากบริษัทไหนทำไม่ชอบ สามารถที่จะร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบได้ จึงถือว่าเป็นธรรม จึงต้องระมัด ระวังวลีทางการเมืองจะสร้างความแตกแยกและเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นในสังคมได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลดึงดันที่จะเดินหน้านโยบายต่างๆ ต่อไปจะส่งผลกระทบอะไรกับประเทศไทยบ้าง นายเกียรติ ระบุว่าตนเองไม่อยากเป็นหมอดู แต่จนถึงปัจจุบันนี้พบว่าสัญญาณแรงพอแล้ว ที่จะต้องหยุดและฉุกคิดสักนิด ว่าสิ่งที่กำลังจะทำใช่คำตอบหรือไม่ ตนเชื่อว่าทุกคนหวังดีกับประเทศไม่มีใครไม่หวังดี แต่บางครั้งการขาดประสบการณ์หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจจะทำให้เสียหายได้และจะรับผิดชอบไม่ไหว หากมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกคนออกมาพูดเป็นเเนวเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำและค่าแรงทั้งระบบ รวมไปถึงขีดความสามารถของการแข่งขันของประเทศ และการปรับขึ้นภาษีที่จะไม่ขึ้นในช่วงที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโต และภาพรวมเศรษฐกิจเกิดการถดถอยทั้งโลก แต่จะปรับขึ้นภาษีในวันที่เศรษฐกิจดีมาก และเป็นการปรับขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเกิดขึ้น แต่หากมีการปรับขึ้นภาษีแล้วไม่สามารถแข่งขันได้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะทั้งทุนและกำไรจะโยกไปยังประเทศหรือพื้นที่ที่มีภาษีต่ำที่สุด ซึ่งมีอยู่หลายประเทศ จึงต้องระมัดระวังอย่างมากสำหรับนโยบายด้านภาษี

 

 

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ จะมีโอกาสหยุดชะงักหรือไม่นั้น นายเกียรติ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะดำเนินการนโยบายอะไร และมีคำอธิบายที่ดีพอหรือไม่ ซึ่งนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ และระบบโครงสร้างค่าแรงเป็นเรื่องที่หลายฝ่าย รวมทั้งตนมีความกังวลมากที่สุด คือ นโยบายค่าแรง ทั้งขั้นต่ำ ทั้งระบบโครงสร้างค่าแรง รัฐบาลแทรกแซงเมื่อไหร่ สร้างความไม่มั่นใจทันที สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดเจน คนของก้าวไกลเอง ก็พูดว่าไม่ได้ขึ้นมาเป็น 10 ปี ทั้ง ๆ ที่มันขึ้นปีที่แล้ว ครั้งสุดท้ายที่มีการปรับ แค่ตรงนี้อย่ามองเป็นเรื่องเล็ก แค่นี้เรื่องใหญ่มาก เพราะจะทำให้เกิดความสับสนว่า จะเชื่ออะไรดี หรือสมมติฐานของเค้าทั้งหมดในการที่จะขึ้นค่าแรง เป็นสมมติฐานที่จากข้อมูลผิดหรือเปล่า เรื่องใหญ่มาก แล้วมันก็กระจายไปหมดแล้วทั่วโลก กระจายกันไปหมดเลยทั่วโลก การให้สัมภาษณ์ทั้งหมด ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่น่าเชื่อถือมันจะอยู่ไม่ได้

 

นายเกียรติ ระบุถึงว่าที่รัฐมนตรีคลังคนใหม่ ว่า ตนเองไม่กล้าที่จะแนะนำ เพราะได้เสียงข้างมากเข้ามาจากการเลือกของประชาชน พร้อมยินดีด้วย แต่ภาระที่รับอยู่ค่อนข้างหนักหน่วงและต้องรับผิดชอบให้ได้ ไม่ใช่ทำแล้วลองผิดลองถูก เพราะประเทศไม่ใช่จะมาลองผิดลองถูกได้ ต้องทำในสิ่งที่มั่นใจเกิน 100% ว่าเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและทำให้ประเทศนี้จะแข่งขันได้ ซึ่งวันนี้จะจัดตั้งรัฐบาล จะต้องคงเส้นคงวากับสิ่งที่ประกาศและสิ่งที่กำลังจะทำ ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะเรื่องที่รับปากไว้ มีหลายกรณี ซึ่งเห็นได้จากวันแรกที่ได้เห็นนโยบายว่า เกินกว่าขีดความสามารถของประเทศจะรับได้และมาจากสมมุติฐานที่คลาดเคลื่อนไม่น่าจะถูกต้อง จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายว่า พรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และทำอย่างไรให้รัฐบาลได้เดินเข้ามาอย่างสง่างาม น่าเชื่อถือ และอธิบายแล้วคนรับได้ พร้อมสนับสนุนประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่แต่ไม่ง่าย

 

 

ทั้งนี้ มองว่า การมีพรรคร่วมถึง 8 พรรคจะถือว่าเยอะก็เยอะ จะถือว่าน้อยก็น้อย เพราะในส่วนนโยบายเศรษฐกิจจะมีอยู่เพียง 2 พรรคเท่านั้น คือ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่มีน้ำหนักในการดำเนินการ และมีนโยบายที่น่าเป็นห่วง คือ ค่าแรงขั้นต่ำ และเงินดิจิทัล การขึ้นภาษี และสวัสดิการทั้งหมดที่รับปาก จะนำเงินจากไหนมาจ่าย ซึ่งเป็นนโยบายที่ไม่ได้รับคำตอบในช่วงหาเสียงเลย และกกต. ก็สอบแล้ว เช่น เรื่องเงินดิจิทัล และมีคนเริ่มตั้งคำถามว่าจะได้รับเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทหรือไม่ ซึ่งมองว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วตอบไม่ได้ว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ และคนรับคำตอบไม่ได้ ความน่าเชื่อถือจะหมดไป จึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง พร้อมย้ำว่า ความตกลงระหว่างประเทศละเมิดไม่ได้ เกือบทุกสื่อไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะกลายเป็นรัฐบาลไปชี้นำเรื่องที่ข้อตกลงระหว่างประเทศชัดเจน จึงอย่าเข้าไปยุ่ง เพราะมีโครงสร้างอยู่แล้ว ซึ่งตนเองเชื่อว่า พรรคไม่ได้เข้าใจตรงจุดนี้อย่างลึกซึ้ง

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกนัฏ” ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด สั่งจับโรงงานสายไฟไม่ได้มาตรฐาน ยึดของกลาง 65 ล้าน
“สุชาติ”เปิดงาน“ชลบุรี พราว เอ็กโป 2024” สร้างช่องทาง SME สร้างงานปชช.
รัฐบาลเปิดตัวนวัตกรรม “ตู้ห่วงใย” บริการทางการแพทย์ พบแพทย์ผ่านวิดีโอคอล เล็งขยายทั่วประเทศ
"พระปีนเสา" เล่านาที ถูกทำร้ายหน้าช่อง 8 เจ็บจนเห็นดาวเห็นเดือน โร่แจ้งความตำรวจ สน.บางเขน
"กลุ่มชายปริศนา" แหวกวงล้อมสื่อ เข้ารุมทำร้าย "พระปีนเสา" ขณะให้สัมภาษณ์
เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น