จากกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐธรรมนูญระบุบทบัญญัติเกี่ยวการถือครองหุ้น มีเจตนารมณ์อย่างไรว่า ตนไม่ทราบ เดี๋ยวถ้าตนตอบไป ก็อาจไม่ถูก เรื่องประเด็นนี้ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดแล้วกัน โดยในรัฐธรรมนูญเขียนไว้สั้นๆ เท่านั้น โดยไม่ได้บอกว่ากี่หุ้น และไม่ได้บอกว่าต้องเป็นสื่อขนาดไหน โอเปอเรต คือ ดำเนินการอยู่หรือไม่ แต่ถ้าดูคำวินิจฉัยเก่าๆ ของศาลรัฐธรรมนูญ ก็อาจเห็นทิศทางได้เหมือนกัน เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินเรื่องนี้มาแล้วหลายดคี
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก) จะต้องรีบทำให้เสร็จก่อนถึงวันเลือกนายกรัฐมตรีหรือไม่ หรือเป็นเรื่องระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับศาลรัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นเรื่องของ กกต.กับศาลรัฐธรรมนูญ คือด่านที่ 1 กกต. ด่านที่ 2 ไปศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามย้ำว่า ถ้า กกต.เห็นด้วย ก็ไปศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ หรือถ้าไม่เห็นด้วย ก็สามารถปัดตกได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องไต่สวนฉุกเฉินก่อน หรือให้เป็นไปตามกระบวนการ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรแปลกประหลาด แต่เมื่อศาลรับเรื่อง มีสิทธิสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ อย่างเช่นเมื่อคราวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เลือกนายกฯกันตอนนั้น อยู่ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน แต่ตัดสินออกมาในเดือนพฤศจิกายน
เมื่อถามว่า แต่กรณีนี้ กกต.จะต้องรับรองเป็น ส.ส.ก่อนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ เมื่อถามอีกว่า มองว่าห้วงเวลาที่จะตัดสินออกมาจะอยู่ในช่วงไหน จะกระทบกับการเลือกนายกฯหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ตนตอบไม่ถูก เพราะ กกต.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย