30 พ.ค.66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบการรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภายในประเทศไตรมาสแรกในปี 2566 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ดีขึ้น อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.05 และหนี้ครัวเรือนชะลอตัวลง จากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ความสามารถในการชำระหนี้ยังทรงตัว
ขณะที่การบริหารงานรัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง เมื่อสิ้นเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 94,834 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 109 ของการเบิกจ่าย คิดเป็นร้อยละ 35 ของกรอบรัฐธรรมนูญทั้งปี ซึ่งในรายละเอียดมีการเบิกจ่าย ใช้งบลงทุนถึง 34 แห่งเดือนแรก 7 เดือนแรกมีมูลค่า 62,997 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 107 ของแผนการเบิกจ่ายและคิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 51 ของกรอบการลงทุนทั้งปี ส่วนการเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ แห่ง 31,838 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 113 ของแผนการเบิกจ่าย คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 21 ของกรอบงบลงทุนทั้งปี ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นแผนการบริหารงานของรัฐบาลมาโดยตลอด ทั้งเรื่องงบลงทุนและการต่างประเทศซึ่งมีการติดต่อประสานการลงทุนเป็นไปตามกรอบของยุทธศาสตร์ชาติ
โดยมีมาจากหลายประเทศ แต่ยังไม่มีการสรุปมาให้รับทรา วิเคราะห์ ส่วนกรณีที่ฟิตเนสติ้งวิเคราะห์สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง และการคลัง ภายหลังการเลือกตั้งและมีปัจจัย การฉุดรั้งความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระยะสั้น และมีความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณ
โดยยอมรับว่าเรื่องนี้ถูกจับตาอยู่ แต่ความน่าเชื่อถือของไทยยังได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยสถานการณ์ทางการเงินต่างประเทศที่แข็งแกร่งอยู่ พร้อมทั้งมีกรอบนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่มีประสิทธิภาพมีการฟื้นตัวการบริโภคของภาคเอกชนและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบัน จึงขอให้ติดตามดูต่อไปเพราะทุกอย่างกำลังดีขึ้นและดีทั้งหมด