วันที่ 30 พ.ค.66. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าเตรียมแถลงสรุปผลงานกระทรวงแรงงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เช่นการเพิ่มค่าดูแลบุตรจาก 600 เป็น 800 บาท รวมถึงการแก้ไขระเบียบกองทุนชราภาพ โดยการันตีจนถึงอายุ 60 ปีและให้ทายาทสามารถรับมรดกต่อได้ การเพิ่มทักษะอาชีพ ส่วนเรื่องการค่าแรงขั้นต่ำ ที่รัฐบาลนี้ได้ดำเนินการไปเกิดจากคณะกรรมการกำหนดค่าจ้าง หรือ คณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่รัฐมนตรีเป็นคนกำหนดซึ่งทุกอย่างต้องดูทั้งจีดีพี ภาวะเงินเฟ้อ ส่วนใครจะแก้ปัญหาอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ตนมองว่าจะต้องเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพเพราะแรงงานต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2.4 ล้านคน หากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำก็ต้องปรับให้แรงงานต่างด้าวด้วย บางครั้งกลุ่มแรงงานต่างด้าวไม่มีทักษะในการประกอบอาชีพเมื่อเกิดต้นทุนขึ้นสินค้าทุกอย่างก็แพงตามมา เรื่องนี้จะต้องมีการระมัดระวังเพราะคน 50-60 ล้านคน ต้องแบกรับต้นทุนนี้ด้วย
ส่วนนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะขึ้นเป็น 450 บาทนั้นคณะกรรมการไตรภาคีได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐมนตรีไม่สามารถก้าวก่ายไตรภาคีได้ เป็นหน้าที่ของข้าราชการประจำที่จะประสานงานซึ่งการเป็นคณะกรรมการไตรภาคี คัดเลือกมาจากหมวดของลูกจ้างและนายจ้างและส่วนราชการ โดยมีคณะกรรมการกำหนดค่าจ้างของรายจังหวัดด้วย ไม่ใช่เฉพาะแค่ส่วนกลางเท่านั้น จึงจะขึ้นในอัตราที่เท่ากันไม่ได้ เพราะต้องดูแต่ละพื้นที่
ส่วนนโยบายจะทำได้จริงหรือไม่นั้น ตนมองว่า ยึดมั่นในหลักสากล คือไตรภาคีแต่รัฐบาลไหนจะทำนโยบายไหนก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลนั้น ส่วนตัวไม่อยากก้าวก่ายก้าวล่วงเพราะถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดแล้ว และคิดว่าการปรับค่าแรงนั้น สำหรับตนคิดตลอดเวลาว่าอยากให้เกิดการแข่งขัน เช่นบริษัทลงทุนรถไฟฟ้าในประเทศไทยส่งรับแรงงานที่มีทักษะและผ่านบริษัทนี้ มีประสบการณ์ด้านนี้มาจะได้รับค่าแรงมากขึ้น แต่ถ้าหากนายจ้างบริษัทเดิมกลัวแรงงานหนีไปบริษัทอื่นก็ต้องเพิ่มค่าแรงให้ นี่คือถือเป็นหลักการลงทุนที่ต้องเกิดการแข่งขันกัน
นายสุชาติ ย้ำว่า หากมีการปรับค่าจ้าง 450 บาทมีความเป็นห่วงด้านประชาชนอีก 50-60 คนที่ต้องแบกรับต้นทุนตาม จึงต้องคิดเรื่องนี้ให้มาก ทั้งนี้อย่าลืมว่าหากปรับค่าแรงตามกฏหมายแล้ว แรงงานต่างด้าวก็ต้องปรับให้ด้วย แต่หากปรับตามระบบไตรภาคีซึ่งปรับจากการแข่งขันการลงทุนก็จะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ดังนั้นจะต้องมองอีกมุมเหรียญต้องมอง 2 ด้าน พร้อมกันนี้ไม่ขอมองว่าเป็นนโยบายที่ดีหรือไม่แต่ค่าแรงที่สูงขึ้นควรจะเป็นไปตามธรรมชาติเพื่อทุกคนจะได้ปรับตัวกันได้
ส่วนสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้นายสุชาติ กล่าวว่าส่วนตัวไม่มีความกังวลใด ๆ เนื่องจากต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกประชาธิปไตยใครจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็ต้องเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญที่เรากำหนดไว้ ส่วนตนเองเมื่อเลือกตั้งแล้วก็ยอมรับในกติกาและทำหน้าที่ในส่วนของรัฐมนตรีแรงงานให้ดีที่สุด ส่วนรัฐบาลชุดหน้านั้น ขอสื่อมวลชนไปตั้งคำถาม ว่าโรดแมปผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร
สื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลแข่งได้หรือไม่ นายสุชาติ ปฏิเสธตอบคำถาม ว่า ไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่พรรคนี้ แต่เห็นว่าต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันเพราะการจัดตั้งรัฐบาลต้องให้เกียรติพรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ต้องเป็นคนนั้น วันนี้ สมมติว่าตนเองรวมเสียงไม่ได้ก็ไม่สามารถเดินต่อไปได้ก็ต้องรอรวมเสียงให้ได้