ความคืบหน้ากรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ถูกตรวจสอบกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี ซึ่งหากผิดจริงอาจะทำให้ดับฝันของนายพิธา ในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ วันนี้ทีมข่าวท็อปนิวส์จึงได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนายพิธาทำผิดข้อบังคับพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งอาจจะทำให้มีปัญหาในการเซ็นรับรองผู้สมัครส.ส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาด้วย
สำหรับประเด็นนี้ต้องพิจารณาตั้งแต่ช่วงเวลาที่นายพิธาถือหุ้น โดยจากข้อมูลเอกสารบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่นำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายพิธาถือหุ้นสื่อไอทีวี 42,000 หุ้น ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน จากนั้นวันที่ 15 มีนาคม 2561 ได้มีการก่อตั้งพรรอนาคตใหม่ขึ้น และนายพิธาก็ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค และเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ในลำดับที่ 4 ในศึกเลือกตั้งปี 2562 และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนสมัยแรก
จากนั้น วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 พรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค เพราะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น ให้พรรคกู้เงิน 191.2 ล้านบาท จากนั้น ส.ส.อนาคตใหม่เดิมรวมถึงนายพิธา ได้ย้ายเข้าสังกัดพรรคก้าวไกล พร้อมกับจัดประชุมใหญ่วิสามัญในวันที่ 14 มีนาคม 2563 ซึ่งที่ประชุมพรรคมีมติเลือกนายพิธาเป็นหัวหน้าพรรค
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งข้อบังคับพรรคใหม่นี่เองที่ทำให้นายพิธาส่อมีปัญหา เพราะข้อบังคับพรรคก้าวไกล หมวดคุณสมบัติของสมาชิก ข้อ 12 ( 6) สมาชิกพรรคต้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ และในข้อที่ 21 ( 3) ระบุว่า สมาชิกพรรคก้าวไกลจะสิ้นสุดลงเมื่อ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ
ซึ่งการเขียนข้อบังคับพรรคในลักษณะนี้ของพรรคก้าวไกล เป็นการเขียนล้อไปกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 เกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.