จากกรณีมีการนำเสนอข่าว นางมาวดี ศรีวิรัตน์ ลูกสาวอาม่า ฮวย ศรีวิรัตน์ ถูกศาลตัดสินใจจำคุกฐานความผิด ยักยอกเงินแม่ จำนวน 250 ล้านบาท เป็นเวลา 12 ปี โดยไม่รอลงอาญานั้น ก่อนต่อมาจะมีการชี้แจงเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงของคำพิพากษา เพราะคดีที่ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวานนี้ เป็นคดีลักทรัพย์จากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งมีจำนวนเงินเพียง 24.7 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 250 ล้านบาทตามที่มีการเสนอข่าว เพราะคดีฟ้องร้องเงิน 250 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างพิจารณาสืบพยานจำเลย ดังนั้นการที่มีการเสนอข่าวนี้ออกไป ทำให้ นางมาวดี ได้รับความเสียหายอย่างมาก
ล่าสุดวันนี้ นางมาวดี พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางไปมอบพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยก่อนที่จะเข้าไปมอบหลักฐาน นางมาวดี จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวานนี้ให้ทราบทั่วกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ศาลอาญาพระโขนง ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ นางฮวย ศรีวิรัตน์ หรือ อาม่าฮวย อายุ 84 ปี เป็นโจทก์ฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาว เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ , ปลอม และใช้เอกสารปลอม จากกรณีที่จำเลยได้อาศัยช่วงที่ตนเองเป็นผู้ดูแล อาม่าฮวย ซึ่งป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ได้ร่วมมือกับ พนักงานธนาคาร ทำการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของ อาม่าฮวย รวมถึงมีการถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง และเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เรียงกระทงความผิดให้จำคุก 6 กระทง ๆ ละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี และเมื่อพิเคราะห์พฤติกรรมแห่งคดีแล้ว เห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุพการี โดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลและระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อีกทั้งเงินที่จำเลยลักไปเป็นจำนวนสูงมาก นับเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้นแม้จำเลยจะไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ