“สมยศ” อดีตผบ.ตร. แจงวุ่น ปมหลักสูตร “กอส.” หลังสังคมดราม่า “ร.ต.อ.หญิง” ได้เลื่อนขั้นพุ่งพรวดในเวลา 4 ปี

"สมยศ" อดีตผบ.ตร. แจงวุ่น ปมหลักสูตร "กอส." หลังสังคมดราม่า "ร.ต.อ.หญิง" ได้เลื่อนขั้นพุ่งพรวดในเวลา 4 ปี

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก “เพื่อนตำรวจ” เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นแบบพุ่งพรวด โดยยกเคสนักร้องลูกทุ่งหญิง ที่เลื่อนชั้นจาก ส.ต.ต.หญิง สู่ “ร.ต.อ.หญิง” โดยใช้เวลา 4 ปี โดยอ้างหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร” (กอส.) จนต่อมาทำให้สังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ “หลักสูตร กอส.” เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2558 สมัย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เซ็นรับรอง “เห็นสมควร” ปรับปรุงประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 11 การศึกษา การฝึกและอบรม บทที่ 14 การฝึกอบรมพื้นฐานสำหรับ “ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร” เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ข่าวที่น่าสนใจ

หลักสูตร กอส.เป็น 1 ใน 4 หลักสูตรฝึกอบรมพื้นฐานสำหรับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร แบ่งออกเป็น

 

 

 

(1) ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนผู้มีคุณวุฒิระดับปริญญา หรือประกาศนียบัตร และมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ซึ่งหมายถึงข้าราชการตำรวจผู้มีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

ได้รับอนุญาตให้ลาศึกษาตามระเบียบของทางราชการ

ได้รับอนุมัติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ไปศึกษาตามระเบียบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด

ได้รับทุนรัฐบาลไปศึกษาตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ได้รับอนุมัติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เข้ารับการฝึกอบรม

(2.) ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนซึ่ง “บรรจุจากบุคคลภายนอก” บรรจุกลับ หรือโอนมา โดยการบรรจุหรือรับโอนในฐานะผู้มีคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญา หรือประกาศนียบัตร และมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร

(3.) ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ซึ่งบรรจุจากบุคคลภายนอก หรือโอนข้าราชการ ซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ หรือพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ หรือบรรจุข้าราชการซึ่ง “ไม่ใช่” ข้าราชการตำรวจ หรือพนักงานของ อปท. กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ

ทั้งนี้ ข้าราชการตำรวจในข้อ 1-3 หากสำเร็จการศึกษาหรือการฝึกอบรมหลัก สูตรพื้นฐานในระดับชั้นสัญญาบัตร หรือหลักสูตรอื่นๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้ว ไม่ต้องเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรนี้อีก

ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะถือว่าเป็นผู้สำเร็จการฝึกอบรม จะต้องมีระยะเวลาการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ของเวลาการฝึกอบรมทั้งหมด ไม่ถูกตัดคะแนนความประพฤติเกิน 40 คะแนน และสอบได้คะแนนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 60

นอกจากนี้ หลักสูตร กอส.เปิดอบรมทุกปีๆ ละ4 ครั้ง หลักสูตรอื่น ๆ ทำไมต้องขออนุญาตด้วย ถ้าจะแก้จริง ๆ ผบ.ตร.ต้องแก้ระเบียบใหม่หยุดรับหยุดใช้ระบบอุปถัมภ์รับบุตรหลานของผู้มีอันจะกินโดยการใช้เส้นสายเข้ามาเป็นตำรวจ

ล่าสุดพลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า จริง ๆ แล้ว หลักสูตร กอส. เกิดขึ้นมานานแล้ว ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่ในยุคของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใด แต่เท่าที่ทราบ ในสมัยของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ก็มีหลักสูตรนี้แล้ว รับปีละ 7,000 คน และน่าจะมีมาก่อนหน้านั้นแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งอาจจะใช้ชื่ออื่นที่ไม่ใช่ กอส. แต่ลักษณะหลักสูตรเป็นแบบเดียวกันคือ เปิดรับบุคคลภายนอกเข้ามาอบรมเพื่อรับราชการเป็นตำรวจ

 

ทั้งนี้ มีหลักเกณฑ์ที่กำหนดอยู่ ไม่ใช่ใครก็ได้ คือต้องมีวุฒิปริญญาตรี ปริญญาโท ในสาขาทางวิชาชีพที่ขาดแคลน และยิ่งหากเป็นสาขาวิชาชีพเฉพาะด้าน เช่น แพทย์ วิศวกรรม บัญชี เคมี ฟิสิกส์ ก็ยิ่งต้องรับ เพราะตำรวจไม่มีบุคลากรด้านนี้ หรือมีไม่เพียงพอ

ส่วนที่ปรากฎว่า ในสมัยของตนได้มีการเซ็นรับรอง เห็นสมควรปรับปรุงประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 11 การศึกษา การฝึกและอบรม บทที่ 14 การฝึกอบรมพื้นฐานสำหรับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร โดยตอนหนึ่งมีการระบุถึง หลักสูตร กอส. จนทำให้เข้าใจว่าหลักสูตรนี้เกิดขึ้นในยุคตนนั้น พลตำรวจเอกสมยศ กล่าวว่า ประกาศดังกล่าว เป็นเพียงการเซ็นรับรองการแก้ไขในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย
ๆ บางอย่างของหลักสูตร เช่น ชื่อหลักสูตร / ระยะเวลาการอบรม / จำนวนวิชาการอบรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว

 

 

พลตำรวจเอกสมยศ กล่าวอีกว่า หากจะมองว่าหลักสูตรนี้เป็นช่องโหว่ในการใช้เป็นเส้นทางเข้ามารับราชการตำรวจหรือไม่ คงต้องไปดูที่ผู้ออกข้อบังคับ หรือหลักเกณฑ์ต่างๆ แต่อยากให้มองที่จุดประสงค์ที่ดีมากกว่า เพราะคงไม่มีหลักสูตรไหนที่ไม่ดี โดยหลักสูตรนี้ ผู้ที่ริเริ่มขึ้นมาก็คงมองว่า การเปิดรับบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญให้เข้ามาทำงาน ก็น่าจะดีกว่าการเสียงบประมาณส่งข้าราชการตำรวจไปเรียนด้านต่าง ๆ ที่อาจไม่ถนัด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น