วันนี้ (19 มิ.ย.66) นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย พัฒนาช่องทางการซื้อ-ขาย “สลากดิจิทัล” ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” นับเป็นความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับบริการของหน่วยงานรัฐ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาท
โดยเปิดจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 (สลากงวดวันที่ 16 มิ.ย.65) จำนวน 5 ล้านใบ ราคาใบละ 80 บาท เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา และสามารถตรวจสอบอายุของผู้ซื้อ เพื่อป้องกันการขายสลากให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี มีการยืนยันสิทธิความเป็นเจ้าของสลาก และมีบริการเลือกรับเงินรางวัลที่สะดวก ปลอดภัย โดยสามารถโอนเงินรางวัลภายใน 2 ชั่วโมงหลังประกาศผลรางวัล สามารถอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการของหน่วยงานรัฐ สร้างความพึงพอใจและผลตอบรับที่ดีจากประชาชนผู้ซื้อสลากเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 จนถึงงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2566 มีผู้ถูกรางวัลสลากดิจิทัลรวมทั้งสิ้น 1,135,099 ราย และมีสลากที่ถูกรางวัลแล้วรวม 5,045,409 ใบ คิดเป็นเงินรางวัลกว่า 17,000 ล้านบาท และมีผู้ถูกรางวัลที่ 1 รวมทั้งสิ้น 165 ราย โดยในงวดวันที่ 16 เมษายน 2566 มีผู้ซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง ถูกรางวัลที่ 1 รายเดียวสูงสุดจำนวน 19 ใบ ได้รับเงินรางวัล 114,000,000 บาท
ตลอดระยะเวลา 1 ปีของการซื้อ-ขาย “สลากดิจิทัล” ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” มีผู้ซื้อสลากดิจิทัลรวมกว่า 5.8 ล้านราย มีสลากดิจิทัลที่จำหน่ายไปแล้วรวมทั้งสิ้น 356 ล้านใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท เป็นของผู้ค้าสลากรายย่อยจากทั่วประเทศกว่า 38,000 ราย ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานแอปฯ เป๋าตัง ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 40 ล้านราย และจำหน่ายสลากหมดก่อนถึงวันออกรางวัลทุกงวด และในงวดเดือน สิงหาคม 2566 จะเพิ่มสลากดิจิทัล เป็น 20 ล้านใบ
โดยเป้าหมายสิ้นปีนี้ จะมีสลากดิจิทัล 30 ล้านใบ / 40 ล้านใบในปี 67 และ 50 ล้านใบในปี 68 จากปัจจุบัน 18.6 ล้านใบต่องวด โดยจะพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
นอกจากนี้ ในเดือน ก.ค.66 จะมีการเปิดให้บริการฟีเจอร์ใหม่ “QR ขายสลากดิจิทัล” เพื่อเพิ่มช่องทางการซื้อ-ขายรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้ซื้อและผู้ค้าสลากดิจิทัล ให้สามารถซื้อสลากดิจิทัลฯ ในรูปแบบ Face-to-Face ผ่านแอปฯ “ถุงเงิน” จากผู้ค้าสลากดิจิทัลโดยตรง โดยผู้ซื้อสามารถเลือกสลากฯ ที่ต้องการจากร้านค้า และสามารถใช้แอปฯ เป๋าตัง สแกนเพื่อซื้อสลากและชำระเงินได้ทันที
นายลวรณ ระบุว่า การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลขณะนี้ อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แม้ว่าจะมีช่องทางสลากดิจิทัลที่ทำให้ประชาชนสามารถซื้อสลากในราคา 80 บาทได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีลูกค้าบางส่วนที่ต้องการสลากแบบใบอยู่ ทำให้การควบคุมราคายังเป็นไปได้ยาก ดังนั้น โครงการร้านค้าสลาก 80 ซึ่งดำเนินการมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ก็จะเป็นตัวเชื่อมให้ผู้ที่ต้องการซื้อสลากแบบใบ สามารถซื้อสลากได้ในราคา 80 บาทได้ แต่เนื่องจากเป็นการซื้อสลากที่ใด้ใบสลากไปครอบครอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนมือเพื่อขายต่อเกินราคาได้ จึงมีการควบคุมการจ่ายเงินซื้อสลากผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายสลาก 80 กระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ 1,236 จุด และจะขยายจำนวนจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 6 หลัก (L6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 3 หลัก (N3) นั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการกำหนดประเภทและรูปแบบสลาก เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง
ส่วนการแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา นายลวรณ กล่าวว่า ปัจจุบัน ประชาชนเข้าถึงสลาก 80 บาทได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และประชาชนมีความพอใจกับการซื้อสลากในราคา 80 บาท โดยมองว่า แนวทางการแก้ไขสลากเกินราคา เป็นการปรับตัวไปในทิศทางที่ดี เพราะคนเข้าถึงสลาก 80 ได้จริง และยังเป็นทางเลือกให้ประชาชน ส่วนอีก 80 % ที่เป็นสลากใบก็จะต้องปรับตัว ซึ่งสำนักงานสลากฯได้เปิดช่องให้ผู้ค้าได้เข้าสู่ดิจิตอลได้อย่างสมัครใจ โดยจำนวนที่เพิ่มขึ้นหมายถึงการเข้าถึงที่มากขึ้น
ส่วนเรื่องการเสนอสลากใบเสร็จของก้าวไกล มองว่าน่าจะเป็นเรื่องของกรมสรรพากรมากกว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการนำคนเข้าสู่ระบบภาษี