หลังกกต.ปล่อยผีปลดล็อคส.ส.500 คนไปก่อนแล้วค่อยสอยทีหลัง เพราะมีเวลาเหลือๆอีก 1 ปีในการพิจารณาคดีคำร้องคัดค้านต่างๆ ล่าสุดบรรยากาศที่รัฐสภาวานนี้คึกคักเพราะส.ส.หลายพรรคต่างเดินทางไปรับหนังสือรับรองการเป็นส.ส.จากกกต.ก่อนที่จะเดินทางมารายงานตัวกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทุกพรรคมากันเกือบครบคงเหลือแค่ก๊วนก้าวไกลฝ่ายส้มล้มเจ้าที่นัดกันมารายงานตัวในวันอังคารที่ 27 มิ.ย.2566 ส่วนสาเหตุที่เลือกไปรายงานตัวในวันนั้นก็เพราะ ถือฤกษ์เนื่องจากเป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรก คือ “พ.ร.บ.ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475” ก็ว่ากันไปตามความเชื่อของพรรค ที่ไปเหมาะเจาะกับจังหวะที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯของพรรค ติดโควิด-19 รอบที่ 3 พอดิบพอดี งานนี้ก็เลยต้องรอเวลาไปยาวๆ ถึงสัปดาห์หน้า
แต่ไทม์ไลน์การเมืองก็ยังเดินหน้าต่อไม่หยุด ไม่ว่าฝ่ายไหนคิดจะทำอะไร ในการประชุมครม.วานนี้ “กูรูกฎหมายเสื้อคลุมรถถัง” อย่าง วิษณุ เครืองาม ได้กางไทม์ไลน์คร่าวๆให้พล.อ.ประยุทธ์และครม.ทุกคนรับ หลังกกต.ประกาศรับรองส.ส.100 % ระหว่างนี้ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 28 มิ.ย. ทั้ง 500 คน ต้องไปรายงานตัวที่สภา เสร็จจากนั้นภายใน 15 วัน นับตังแต่วันที่กกต.ประกาศรับรองผลคือ 19 มิ.ย.2566 จะต้องมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก โดยจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 3 ก.ค.2566 ซึ่งทุกอย่างถูกบัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ ม. 122 ” พระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำรัฐพิธีเปิดประชุมสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งแรกด้วยพระองค์เอง หรือจะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระรัชทายาทซึ่งทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นผู้แทนพระองค์ มาทำรัฐพิธีก็ได้….” จะเป็นวันไหนก็แล้วแต่จะโปรดเกล้าลงมาฯ โดยในวันนั้นจะมีพิธีปฏิญาณตนของส.ส.ที่จะถือว่าทุกคนเป็นผู้แทนโดยสมบูรณ์
เสร็จจากรัฐพิธีเปิดประชุมสภาครั้งแรก จากนั้นไม่เกิน 10 วัน จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เบื้องต้นวิษณุรายงานครม.ว่าคาดว่าจะเป็นวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.ค. 2566 หากเลือกประธานสภาได้แล้วเสร็จในวันนั้นก็จะมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และรอโปรดเกล้าฯ ลงมา โปรดเกล้ารายชื่อประธานสภาลงมาวันไหน จากนั้นประธานสภาก็สามารถนัดประชุมเพื่อโหวตนายกฯได้เลยโดยไม่มีระยะเวลาบัญญัติไว้ วิษณุเผยกับครม.ว่า 13 ก.ค.2566 จะเป็นวันโหวตเลือกนายกฯ จะเป็นไปตามวันที่วิษณุชี้แจงกับครม.ไว้หรือปล่าว เพราะทุกอย่างก็สามารถขยับกันได้หมดแต่ไม่เกินเดือนนี้เชื่อว่าจะเห็นหน้าเห็นหลังกันชัด วันโหวตนายกฯยังไม่รู้ แต่ภายในเดือนนี้ไม่เกินวันที่ 13 ก.ค.2566 จะมีประธานสภาแน่นอน ส่วนเมื่อได้ประธานสภาลงมาแล้วจะเร่งเกมเปิดโหวตเลือกนายกฯเลยหรือไม่ หรือดึงเกมให้ช้าออกไปก็ต้องอยู่ที่ว่าประธานสภาเป็นคนของใครของฝ่ายไหน ระหว่างฝ่ายส้มหรือแดง
ที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ชัดยังไม่ตกผลึกว่าประมุขฝ่ายนิติบัญญัติหวยจะไปออกที่ใคร ก้าวไกลหรือเพื่อไทย ฝ่ายส้มตอนนี้มีชื่อ 3 คนคือ 1. ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.กทม อายุ 59 ปี 2. ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ อายุ 46 ปี และ 3. ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก อายุ 42 ปี ขณะที่ฝ่ายแดงชื่อที่ปรากฎก็มี 1. ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค อายุ 62 ปี กับ 2. สุชาติ ตันเจริญ อายุ 65 ปี ถ้าถอดสลักจากคำพูดของแกนนำเพื่อไทยล่าสุด ทั้ง “ภูมิธรรม-ประเสริฐ-ชลน่าน-สุทิน” คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเพื่อไทยจะส่งสัญญาณถอย ให้พรรคอันดับ 1 ที่ชนะการเลือกตั้งได้เก้าอี้ประธานสภาไป ส่วนพรรคอันดับ 2 ขอกินรวบ 2 เก้าอี้รองประธานสภาไว้ทั้งหมด โดยหลักการแกนนำเพื่อไทยหลายคนพูดประนีประนอมหาทางถอยเอาไว้แบบนี้ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้หลังจากที่กกต.เคาะระฆังนับหนึ่งปลดล็อคส.ส.500 คนให้แล้ว แต่ถ้าไปดูเนื้อในของเพื่อไทยจริงๆ โดยเฉพาะจากการประชุมส.ส.ใหม่เมื่อเช้านี้ ที่ร.ร.เอสซี ปาร์ค ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับการยกเก้าอี้ประธานสภาาให้ก้าวไกล วันก่อนในไลน์พรรคเพื่อไทยก็เดือดมากในประเด็นนี้ หลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยที่เพื่อไทยจะประเคนทุกอย่างให้ก้าวไกล ตัวตั้งตัวตีที่ออกมาโวยในเรื่องนี้ก็คือ อดิศร เพียงเกษ ส.ส.อาวุโสของพรรคที่เห็นว่าพระแก่พรรษาอย่างเพื่อไทย ไม่ควรไปยอมพระบวชใหม่อย่างก้าวไกลให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสทันที ก้าวไกล 151 เพื่อไทย 141 ห่างกันแค่หนวดกุ้ง เพื่อไทยอยู่มา 22 ปี ไม่ใช่พรรคสาขาของฝ่ายส้ม แถมเอานายกฯไปแล้ว จะมาเอาประธานสภาอีก มีอย่างที่ไหนใครจะไปยอมได้
ความขัดแย้งระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลยังไม่หมดไปจริงๆ ระหว่างทางตั้งรัฐบาลจะเห็นรอยแยกจะเห็นรอยแตกตลอด ประกาศตั้งนรัฐบาลมาตั้งแต่ 19 พ.ค. 2566 หลังเลือกตั้ง 4 วัน ลงนาม MOU รัฐบาล 8 พรรค 312 เสียงตั้งแต่ 22 พ.ค.2566 แต่จนถึงวันนี้ยังคุยเรื่องหลักๆยังไม่จบยังไม่สะเด็ดน้ำ เกือบ 40 วันแล้ว 2 พรรคทำอะไรอยู่ ส้ม-แดง ถ้าจริงใจกันจริงๆ เรื่องธุรการแบบนี้มันจบไปนานแล้ว แต่เพราะขบเหลี่ยมชิงจังหวะกันอยู่ในทีนั้นแหละ เลยทำให้การตั้งรัฐบาลไม่ราบรื่นเสียที ล่าสุดประเด็นเรื่องชิงดำประธานสภาก็มีข่าวหลุดออกมาว่าเพื่อไทยอาจมีการแก้เกมยืมมือพลังประชารัฐให้ช่วยเสนอชื่อสุชาติ เอาพ่อมดดำขึ้นเป็นประธาน ที่หากรวมเสียงของพรรครัฐบาล 188 เสียง กับเพื่อไทยอีก 141 เสียงยังไงสุชาติก็เป็นประสภาแบบแบเบอร์ แถมตัว “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังออกมาแอ่นอกรับ ” ทุกพรรคมีสิทธิ์เสนอชื่อประธานสภา อะไรๆก็เกิดขึ้นได้” ขั้นตอนการลงมติประธานสภาใช้วิธีลงคะแนนลับ รอบเดียวรู้เรื่องเลยใครอยู่ใครไป ล่าสุดส.ส.เพื่อไทยออกมางอแงเรื่องประธานสภาไม่หยุด
ขณะที่จาตุรงค์ ฉายแสง ก็ออกมาชี้ช่องว่าการเลือกประธานสภาเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ละคน แถมยังเป็นการโหวตลับ เพราะฉะนั้นอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ตราบเท่าที่ส้ม-แดงยังคุยกันไม่จบงัดข้อกันอยู่แบบนี้ อย่าลืมเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นก้าวไกลกับเพื่อไทยถูกมองว่าชิงเหลี่ยมกันอยู่ตั้งแต่ต้น ประเด็นเรื่องของการ “พลิกขั้ว-เปลี่ยนข้าง” ของเพื่อไทยไปจับมือกับพลังประชารัฐบวกภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลใหม่ คนวงในคนการเมืองก็เชื่อแบบนี้กันทั้งนั้น โดยเฉพาะหากพิธาไม่ผ่านโหวตนายกฯ จะเห็นหน้าเห็นหลังเรื่องนี้ชัดเจนขึ้น ล่าสุด “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตรก็ดันมามีคิวบินไปอังกฤษแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังไปแสดงตัวเป็นส.ส.ที่สภาวานนี้ ไปตอนไหนไม่ไปดันไปในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานที่เขาจะตั้งรัฐบาลจะโหวตนายกฯกันพอดี ข่าวว่าลุงป้อมไปดูแข่งม้าที่เมืองผู้ดี แต่ไม่รู้มีเจรจาแทรกตั้งรัฐบาลชิงนายกฯด้วยหรือไม่ ดีลลับเกาะอังกฤษจะมีหรือไม่มียังไม่รู้ แต่ส้ม-แดงดูทรงแล้วไปกันไม่รอด นับถอยหลังรอเวลาแตกหักกันเท่านั้น สุดท้ายเรื่องนี้ก็เหมือนข่าวชาวบ้านในไทย เจ้าบ่าวขอแต่งงานกับเจ้าสาว ถึงวันวิวาห์จริงก็พลิกลิ้นหนีแถมเอาสินสอดไปด้วย จริงเท็จตามดูกันยาวๆ
///////////////////////