หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหากับ “นอท กองสลากพลัส” ในคดีฟอกเงิน จากนั้นเตรียมแจ้งข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน และร่วมกันฟอกเงินเพิ่มเติม
โดยในเวลาต่อมา นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ โพสต์ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “เนื่องจากเป็นคดีที่กระทบต่อความเชื่อมั่น ผมขอเวลาในการพิสูจน์ตัวเอง และผมยืนยันว่าผมไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ผมไม่เคยฟอกเงินให้ใคร”
ต่อมานอท พันธ์ธวัช ได้ไลฟ์สดเปิดใจว่า วันนี้มารับทราบข้อหาตามหมายเรียก โดยยืนยันไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา แต่เมื่อตนอยู่ภายใต้กฎหมายไทย เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว และกระทบกับความเชื่อมั่น จึงขอยุติการจำหน่ายลอตเตอรี่เพียงเท่านี้ก่อน โดยขอเวลาพิสูจน์ข้อหาทั้งหมด หลังจากนั้นค่อยมาว่ากัน โดยจะยุติการขายจนกว่าจะพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ โดยตอนนี้ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน โดยตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อถามถึงการยุติจำหน่ายสลาก แต่มีคนที่ซื้อไปแล้วจะทำอย่างไร นอท พันธ์ธวัช กล่าวว่า ถ้าถูกรางวัลจะได้รับเงินตามปกติ โดยกองสลากพลัสยังอยู่ ซึ่งไม่หนักใจกับข้อหาฟอกเงิน เพราะตนไม่ได้ทำ โดยมีหลักฐานพิสูจน์ตัวเองอยู่แล้ว โดยมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าชี้แจงได้ทุกเส้นทาง
ขณะเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2566 มีรายงานกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบแพลตฟอร์มกองสลากพลัสออกจากระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีการขายสลากเกินราคา และความผิดอื่น ๆ รวมถึงการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี โดยศาลอาญาได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้นและมีคำสั่งให้ปิดเว็บไซต์กองสลากพลัส โดยศาลเห็นว่าข้ออ้างของบริษัทที่อ้างว่า ส่วนเกินจากราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลคือค่าบริการต่าง ๆ นั้นฟังไม่ขึ้น
ถือเป็นการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ในสลากฯ ขัดต่อกฎหมาย และเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวออกจากระบบคอมพิวเตอร์
ขณะที่เฟซบุ๊กของ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ระบุข้อความสั้น ๆ ว่า Coming soon
จนต่อมาเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 66 นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” เดินทางมายังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 ภายหลังพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. นำสำนวนคดีขายสลากเกินราคา ยื่นให้กับอัยการพิจารณา
โดยนายพันธ์ธวัช กล่าวว่า เรื่องคดีตนเองขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งต้องดูว่าพยานหลักฐานที่ได้มานั้น ได้มาอย่างไร เช่น ข้อมูลลูกค้าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนสำนวนที่พนักงานสอบสวนนํามาส่งให้อัยการในวันนี้ ตนเองเห็นแล้วแต่อยากทราบว่าที่ลูกค้าให้ปากคำนั้น ให้ปากคำอย่างไรบ้าง มีเพียงแค่การสรุปอย่างเดียวว่าซื้อมาเท่าไร ซึ่งลูกค้าทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามีการคิดค่าบริการเพิ่ม และเรื่องนี้คงต้องต่อสู้กันต่อไป พร้อมฝากถึงการดำเนินคดีที่ว่ามีมากถึง 4,214 คดี แต่ดำเนินการโดยใช้ระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน เรื่องก็มาถึงอัยการแล้ว แต่มิจฉาชีพที่ใช้ชื่อตนเองหลอกเงินประชาชนทั้งเรื่องกล่องสุ่ม เรื่องกองสลากพลัส เดือนละหลายล้านบาทนั้น กลับยังไม่มีการจับกุม หรือดำเนินคดีแม้แต่รายเดียว จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ทำงานตรงนี้ด้วย ส่วนเรื่องสำนวนคดีในวันนี้ให้อยู่ในการพิจารณาของอัยการ