นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้เผยภาพหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนของบุคคลปริศนาที่ระบุว่าได้ฉีดเข็มที่ 4 แล้ว แถมเข็ม 4 เป็น “ไฟเซอร์” อีกด้วย ทำให้สังคมไทยวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่กระทำการดังกล่าวว่าไร้ยางอาย และไม่มีจิตสำนึกแต่อย่างใดนั้น
กรณีดังกล่าว ในที่สุดผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ก็ออกมาเปิดเผยว่าบุคลดังกล่าวเป็นบุคลากรทางการแพทย์ของตน 2 คนที่ต้องการเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยอ้างว่าประเทศที่จะเดินทางไปนั้นไม่รับรองวัคซีนซิโนแวค โดยประเทศปลายทางดังกล่าวระบุชัดเจนว่ารับรองวัคซีนไฟเซอร์ จึงมีความจำเป็นต้องขอฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งกรณีดังกล่าวอธิบดีกรมควบคุมโรค ก็ออกมายืนยันว่าเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ต้องการเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศจริง
แต่รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกลับชี้แจงว่า บุคลากรทางการแพทย์ 2 คนดังกล่าวกำลังจะเดินทางไปปฏิบัติงานที่ประเทศแคนาดา ซึ่งมีระเบียบว่าจะต้องได้รับวัคซีนที่ประเทศแคนาดากำหนดจึงสามารถเข้าประเทศได้ โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา J&J และโควิดชิลด์ ร่วมกับแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศเป็นลบ ซึ่งคำชี้แจงดังกล่าวตางกันข้ามกับ ผอ.รพ.รามาธิบดีและอธิบดีกรมควบคุมโรคโดยชัดแจ้ง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นการไปปฏิบัติงาน ทั้งๆที่ไปศึกษาต่อ อันชี้ให้เห็นถึงเล่ห์ฉลของกระบวนการที่อาจร่วมกันทุจริตต่อหน้าที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้ออ้างการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับพวกพ้องของตนเอง
คำแถลงดังกล่าวเป็นการยืนยันอีกว่า “วัคซีนชิโนแวค” ใช้ไม่ได้ ไม่เป็นที่ยอมรับ แล้วทำไมเรายังคงสั่งซื้อเข้ามาฉีดให้กับประชาชนอีกมากมายอยู่ทำไม
ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลว่าขณะนี้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ไปแล้วรวมๆ ประมาณ 200 ราย ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อคนไทยเกือบ 50 ล้านคนแม้แต่เข็มแรกยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย บางคนต้องสูญเสียพ่อแม่ญาติพี่น้องไปเพราะยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนเข็มที่ 1 ได้ แล้วคนเหล่านี้กรมควบคุมโรคอนุญาตให้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 ไปได้อย่างไร ไม่ละอายใจกันบ้างเลยหรือ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย ที่มีมูลเหตุมาจากพวกอภิสิทธิ์ชนและผู้มีอำนาจเหล่านี้นี้เอง ใช่หรือไม่ ซึ่งกรณีแบบนี้ ศบค.ในฐานะผู้ควบคุมกฎจะปล่อยให้เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างนี้ต่อไปอีกนานเท่าไร จึงจะพอใจกัน
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไม่ทนต่อพฤติการณ์ของบุคคลพวกนี้อีกต่อไป โดยจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนสอบสวนเอาผิดผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 รวมทั้งผู้ที่อนุมัติให้ฉีด และผู้บริหารหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในวันจันทร์ที่ 23 ส.ค.64 เวลา 11.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี เพื่อหยุดยั้งกระบวนการนี้