ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "โรคพิษสุนัขบ้า" เช็คด่วน 12 เรื่องจริง หลายคนยังเข้าใจคิดว่า...ใช่ แต่จริง ๆ แล้วนั้นเป็นแบบนี้
ข่าวที่น่าสนใจ
เปิด 12 เรื่องจริง หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าใช่
สัตว์นำโรค
คิดว่า…ลูกสุนัขและแมว ไม่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า
- จริง ๆ แล้ว…สุนัขและแมว อายุเท่าใดก็ตามแพร่โรคได้ แม้จะมีอายุเพียง 1 เดือน
คิดว่า…สุนัขและแมวเป็นโรค พิษสุนัขบ้า ได้เฉพาะในหน้าร้อนเท่านั้น
- จริง ๆ แล้ว…เป็นได้ทุกฤดูกาล ฉะนั้น การฉีดวัคซีนในสัตว์ไม่จำเป็นต้องรอฤดูกาล และคนเมื่อถูกกัดไม่ว่าฤดูไหนก็ตาม ต้องได้รับการฉีดยาป้องกัน
คิดว่า…หากถูกสุนัขหรือแมวกัดโดยอาการของสัตว์ปกติดี ก็ไม่น่าจะเป็นบ้า
- จริง ๆ แล้ว…สุนัขและแมวสามารถแพร่เชื้อโรคได้ถึง 10 วัน ก่อนจะแสดงอาการ หากถูกสุนัขหรือแมวกัด ถ้าสัตว์ยังดูปกติอย่านิ่งนอนใจ ต้องได้รับการฉีดยาป้องกัน จับแยกและกักขังสุนัขและแมวนั้น ๆ หากแสดงอาการผิดปกติ ต้องตัดหัวนำไปส่งตรวจทันที ถ้าผ่าน 10 วันไปแล้วไม่มีอาการผิดปกติ แสดงว่าไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
คิดว่า…การฉีดวัคซีนในสุนัขหรือแมวจะป้องกันการเกิดโรค พิษสุนัขบ้า ได้ 100%
- จริง ๆ แล้ว…หากสัตว์ติดเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าแล้ว และอยู่ในระยะฟักตัว การฉีดวัคซีนจะไม่ได้ผล ดังนั้น การนำสุนัขและแมวมาเลี้ยงต้องรู้ประวัติพ่อแม่และการเลี้ยงดูที่ผ่านมาอย่างชัดเจน
คิดว่า…สุนัขหรือแมวที่ได้รับวัคซีน 1 ครั้ง จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสเป็นบ้า
- จริง ๆ แล้ว…ยังมีโอกาสเป็นบ้าได้ ดังนั้น สุนัขและแมวต้องได้รับวัคซีน 2 ครั้งในปีแรก และ 1 เข็มต่อปี มิฉะนั้นยังมีโอกาสเป็นบ้าได้เมื่อได้รับเชื้อ ทั้งนี้ อาจต่างจากบางประเทศที่เจิรญแล้วที่สุนัขและแมวหลังจากที่ได้รับการฉีดครั้งแรกแล้ว ไม่ต้องฉีดประจำทุกปี ทั้งนี้ เนื่องจากโอกาสที่สุนัขและแมวจะได้รับเชื้อมีน้อยมากเหลือเกิน และจะทำการฉีดกระตุ้นต่อเมื่อมีการสัมผัสโรคจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทยที่เป็นประเทศที่ชุกชุมด้วยโรค พิษสุนัขบ้า ในสุนัข และโอกาสที่สัตว์เลี้ยงจะได้รับเชื้อค่อนข้างมีสูง
คิดว่า…สุนัขและแมวที่เราเลี้ยงและเคยได้รับวัคซีนมาก่อนถูกสุนัขบ้ากัดก็ไม่เสี่ยงต่อการติดโรค
- จริง ๆ แล้ว…ต้องได้รับการฉีดวัคซีนซ้ำ และกักขังดูอาการอย่างน้อย 45 วัน แต่ถ้าสุนัขและแมวนั้นไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนเมื่อถูกสุนัขบ้ากัด องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทำลาย เพราะมีโอกาสติดเชื้อสูง แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ให้ฉีดวัคซีนทันทีและกักขังดูอาการ 6 เดือน และฉีดวัคซีนซ้ำ 1 เดือนก่อนปล่อย
คิดว่า…สุนัขและแมวเท่านั้นที่แพร่เชื้อสู่คนได้
- จริง ๆ แล้ว…สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเป็นโรคและแพร่โรคได้เช่นกัน
การติดเชื้อในคนและการป้องกันโรค
คิดว่า…การกัดคนทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ถูกแหย่เป็นเครื่องแสดงว่าสุนัข แมวนั้น ๆ เป็นบ้า
- จริง ๆ แล้ว…สุนัข แมวที่เป็นบ้า กัดคนโดยที่แหย่หรือไม่ได้แหย่ก็ได้ เมื่อถูกกัด ต้องไปรับการรักษาเช่นกัน
คิดว่า…การข่วนจากสุนัขหรือแมวไม่น่าจะติดโรคพิษสุนัขบ้าได้
- จริง ๆ แล้ว…การข่วนด้วยเล็บ ก็ทำให้ติดโรคและตายได้ เนื่องจากสุนัข / แมวเลียอุ้งตีนและเล็บ อาจมีไวรัสจากน้ำลายติดค้างอยู่ที่เล็บและแพร่เชื้อได้หากแผลมีเลือดออกแม้เพียงซิบซิบ
เมื่อถูกสุนัขกัด คิดว่า…เอารองเท้าตบหรือราดด้วยน้ำปลาจะช่วยฆ่าเชื้อได้
- จริง ๆ แล้ว…เมื่อถูกกัดต้องล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่ เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นพบแพทย์ทันทีเพื่อล้างแผลอีกครั้ง และฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาไอโอดีน ควรหลีกเลี่ยงการเย็บแผล ถ้าจำเป็นเย็บได้หลวม ๆ การเย็บปิดแผลจะส่งเสริมให้เชื้อเข้าเส้นประสาทได้ไวและเร็วขึ้น การปฏิบัติตามความเชื่อผิด ๆ เหล่านี้ทำให้มีคนเสียชีวิตมานักต่อนัก
เมื่อถูกสุนัขหรือแมวที่มีเชื้อกัด คิดว่า…มีโอกาสรอดแม้ไม่ได้รับการรักษา
- จริง ๆ แล้ว…ถ้าคนถูกกัดแล้วมีอาการจะเสียชีวิตทุกรายภายใน 5 – 11 วัน แต่คนที่รอด ไม่ได้หมายความว่า คาถาดี ทั้งนี้ เพราะไม่มีไวรัสในน้ำลายตลอดเวลา ซึ่งพบได้ 30 – 80% หรือเฉลี่ยครึ่งต่อครึ่ง
คิดว่า…รอให้สุนัข / แมวที่กัดแสดงอาการหรือตายก่อน จึงค่อยพาคนที่ถูกกัดไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน
- จริง ๆ แล้ว…การฉีดยาป้องกันที่ได้ผลสูงสุด อยู่ในช่วง 48 ชั่วโมงหลังถูกกัด และถ้าแผลมีเลือดออกไม่ว่าตำแหน่งใดของร่างกาย ต้องได้เซรุ่ม (อิมมูโนโกลบูลิน) ชนิดสกัดบริสุทธิ์ ฉีดที่แผล ให้เพียงพอเท่านั้น ไม่ต้องฉีดปริมาณตามขนาดน้ำหนักแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง