“ก้าวไกล” เมินเพื่อไทย ขอเก้าอี้ประธานสภาฯ หลุดชื่อ “หมออ๋อง ปดิพัทธ์” ชิงตำแหน่ง

"ก้าวไกล" เมินเพื่อไทย ขอเก้าอี้ประธานสภาฯ หลุดชื่อ "หมออ๋อง ปดิพัทธ์" ชิงตำแหน่ง

วันที่ 27 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคก้าวไกล ว่า การคัดเลือกบุคลลงชิงตำแหน่ง ประธานสภาผู้เเทนราษฏร ในส่วนของพรรคก้าวไกลขณะนี้สะเด็ดน้ำเป็นที่เเน่ชัดเเล้วว่า พรรคก้าวไกลจะส่ง นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคเหนือ ลงชิงตำแหน่งประธานสภาฯ หลังจากก่อนหน้านี้ มีแคนดิเดตชิงชัยกันทั้งสิ้น 3-4 คน อาทิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงตัวของนายปดิพัทธ์เอง โดยเมื่อมีการเสนอชื่อนายปดิพัทธ์ ขึ้นมา ระดับเเกนนำพรรคก้าวไกลไม่มีใครคัดค้าน จึงได้เคาะชื่อนายปดิพัทธ์ โดยไม่มีการโหวตเเข่งกันเเต่อย่างใด

 

 

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางยื่นคำร้องเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบถ้อยคำปราศรัยของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่ได้ปราศรัยหาเสียงพาดพิงสถาบันที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 66

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นำหลักฐานเป็นคลิปคำปราศรัยของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ในคำปราศรัยล้วนแล้วพูดถึงแต่สถาบัน บางถ้อยคำปรากฏชัดเจนว่า เป็นการพาดพิงไปถึงโครงการพระราชดำริมากมาย มีการคอร์รัปชั่น ซึ่งคำพูดดังกล่าวตนคิดว่าเป็นการให้ร้ายต่อสถาบัน โดยโครงการพระราชดำริเป็นโครงการพระราชทานให้กับพสกนิกร ประชาชน เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปของประชาชนชาวไทย และชาวต่างประเทศ ซึ่งมีมากกว่า 4,700 โครงการ ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาให้กับคนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นการที่ไปปราศรัยสร้างคะแนนนิยมในกับตนเองและพรรคในลักษณะที่อาจจะเป็นการให้ร้าย หรือกล่าวร้าย อาจจะเข้าข่ายความผิดหรือฝ่าฝืนตามข้อ 17 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้ง 2561

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ในขณะเดียวกัน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73 (5) ระบุชัดเจนว่า ห้ามพรรคการเมือง หรือผู้ใดไปดำเนินใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ถือว่าเป็นความผิด และเนื่องจากเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ก็มี พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ในมาตรา 92 (1) หรือ (2) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ค่อนข้างรุนแรงเป็นเหตุที่สามารถทำให้ กกต. ถ้าวินิจฉัยว่าเป็นไปตามคำร้องของสมาคมฯ ก็สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคการเมืองได้ตามมาตรา 93 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

“เขาปราศรัยหาเสียง แต่พยายามเสนอในประเด็นที่เขาเห็นว่าสถาบันไม่ถูกต้องอย่างไร มีหลายคำพูดที่มีลักษณะของการหมิ่นเหม่ในการให้ร้าย ซึ่งไม่ควรที่จะหยิบยกคำพูดในลักษณะนี้ในการหาเสียง การหาเสียงอาจจะใช้วิธีการอื่นที่เป็นประโยชน์ หรือดึงดูด จูงใจให้ผู้สิทธิเลือกตั้งให้เลือกตนเอง หรือเลือกพรรคตัวเองได้อย่างมากมาย ไม่จำเป็นต้องมาใช้คำพูดในทำนองนี้ จึงมายื่นให้ กกต.ตรวจสอบเพื่อเป็นการชี้เบาะแส เพราะเรามีพยานหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอทั้งหมดมาให้ “นายศรีสุวรรณ กล่าว

ต่อมา วันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มีความเห็นสั่งยุติเรื่องกรณีมีการยื่นร้องขอให้ กกต. พิจารณาเสนอเรื่องความพร้อมเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เนื่องจากเห็นว่าไม่มีมูล โดยทั้ง 4 คำร้อง ประกอบด้วย กรณีกล่าวหานายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรค ในขณะนั้นปราศรัยหาเสียงที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 กล่าวถึงโครงการพระราชดำริ พาดพิงสถาบัน เข้าข่ายฝ่าฝืนข้อ 17 ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. 2561

กรณีร้องว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายที่จะยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยอ้างการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ซึ่งมีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดีย กรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงจุดยืนของตนเองและจุดยืนของพรรคก้าวไกล เรื่องมาตรา 112 การระบุ #ยกเลิก112 “112 เป็นกฎหมายหรือเปล่า ถ้าเป็น..ต้องแก้ไขให้เหมาะสมกับยุคสมัยได้ ไปจนถึงต้องยกเลิกได้ ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าสังคมมีฉันทามติร่วมกัน หยุดลิดรอนเสรีภาพในการรณรงค์แสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย”

 

 

รวมถึงกรณีกล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลยินยอมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เป็นผู้นำในการหาเสียงเลือกตั้ง และเป็นตัวแทนในการดีเบตกับพรรคการเมืองอื่นแทนพรรคก้าวไกล เป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคในลักษณะที่ทำให้พรรคขาดอิสระ โดยสำนักงานฯ ได้มีการแจ้งผู้ร้องทราบแล้ว

ทั้งนี้ การที่นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นให้ยุติเรื่อง เป็นการใช้อำนาจตามข้อ 7 ของระเบียบ กกต. ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง 2564 ที่กำหนดว่า ในกรณีนายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานพร้อมความเห็นว่า ไม่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ให้ยกคำร้องหรือยุติเรื่องแล้วแต่กรณีและแจ้งให้ผู้ร้องทราบ และรายงานให้ กกต.ทราบ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อ.ปานเทพ"กางเอกสาร JC2544 อ้างไทย-กัมพูชา เคยรับรอง MOU 44 เป็นสนธิสัญญา
"ดร.ศิลปฯ" อดีตผู้สมัคร สส.เพื่อไทย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนทวีธาภิเศก ปี 67 ปักธงสนับสนุนด้านกีฬากับเยาวชน
"แม่บ้าน" ส่อชวดรับมรดก 100 ล้าน หลัง "แหม่มฝรั่งเศส" ยกมรดก 100 ล้าน ให้ก่อนจบชีวิต
ตร.ปคบ.บุกทลายโรงงานเครื่องสำอางเถื่อน ลอบผลิต-ส่งขายทั่วภาคอีสาน ยึดของกลางกว่า 4 หมื่นชิ้น
ชาวบ้าน 2 ตำบลเฮ ขอบคุณป่าไม้ที่อนุญาติให้ อบต.สร้างถนนลัดไปอำเภอ หลัง สว.สุรินทร์ หารือในการประชุมวุฒิสภาช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่
"แม่สามารถ" ยื่นจดหมายลับใส่มือนักข่าว อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ปรเมศวร์” เตือน “อธิบดีกรมที่ดิน” เสี่ยงโดนม.157 ปมเขากระโดง
ผู้จัดการตลท. พร้อมให้ข้อมูล คดี “หมอบุญ” เตือนนักลงทุน ใช้สติก่อนตัดสินใจ
“บิ๊กน้อย” การันตี แจงแทน “บิ๊กป้อม” ไม่โทรให้ใครช่วย “สามารถ”
“ไอซ์ รักชนก” เตรียมระทึกอีก ศาลนัดฟังคำสั่งถอนประกัน 11 ธ.ค.นี้ ลุ้นชี้ชะตาจะรอดคุกหรือไม่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น