วันที่ 28 มิ.ย.2566 น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #ศาลยกฟ้อง คดีที่พรรคก้าวไกลโดยนายพิธาฟ้องผม ที่กล่าวหาสนับสนุนการล้มล้างฯ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท ศาลยกฟ้องครับ ถือว่าวิจารณ์โดยสุจริต และทำหน้าที่ในฐานะประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ในการปกป้องสถาบันฯ
เผยคำแถลง “หมอวรงค์” ถูก “พิธา” ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฟ้องเรียก 24 ล้านกล่าวหาจงใจใส่ร้ายจาบจ้วงสถาบัน ก่อนศาลยกฟ้องวันนี้ เหตุวิจารณ์โดยสุจริต และทำหน้าที่ในฐานะประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ในการปกป้องสถาบันฯ
ข่าวที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวที่พรรคก้าวไกลเป็นโจทก์ฟ้อง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 พร้อมเรียกค่าเสียหาย 24 ล้านบาท เกิดจากกรณีที่ได้ไลฟ์ในเฟซบุ๊กชื่อ “Warong Decgitvigrom” ในการแถลงข่าวการจัดตั้งพรรคไทยภักดี ระหว่างวันที่ 20 ม.ค. 64 ถึงวันที่ 3 ก.พ. 64 โดยมีการใส่ร้ายโจทก์ว่า จงใจจาบจ้วงสถาบัน ร่วมกับพรรคการเมืองและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อล้มล้างสถาบัน มีการกล่าวหาว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล อยู่เบื้องหลังการล้มล้างสถาบันเบื้องสูง และยกเลิกมาตรา 112 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อย้อนไปฟังคำแถลงของน.พ.วรงค์ ในวันที่ 20 ม.ค.63 ที่พรรคไทยภักดีมีข้อความตอนหนึ่งว่า พวกนี้ใช้เวลาเพียง 8 เดือน เพื่อนำไปสู่การจัดชุมนุมวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต และเป็นครั้งแรกที่เสนอการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นเดือนต่อมานายธนาธร เปิดหน้าตัวเองอย่างเป็นทางการที่บอกว่า วันนี้ประตูบานแรกเปิดขึ้นแล้ว เพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อมา 6 ตค. 63 นายธนาธรได้ไปพูดที่จุฬาฯ อีกครั้งหนึ่งว่า จำเป็นต้องพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก
น.พ.วรงค์ กล่าวอีกว่า นายธนาธรและนาย ปิยบุตร และผู้เกี่ยวข้องใช้เวลาประมาณ 10 เดือน ปลุกปั่นผู้บริสุทธิ์ เยาวชน ให้เกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันกระบวนการเหล่านี้ยังมีความร่วมมือกัน โดยองค์ประกอบของคนเหล่านี้มี 3 ส่วน คือ 1.ม็อบสามนิ้ว 2.กลุ่มก้าวหน้า 3.พรรคก้าวไกล ที่ทำหน้าที่ในสภา ทุกฝ่ายทำงานประสานสอดคล้องกัน โดยมีเป้าหมายคือล้มมาตรา 112 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง